ชัยวัฒน์” อดีตหัวหน้าแก่งกระจานชี้แจงบิ๊กอุทยาน ปมคดี "บิลลี่ พอละจี" หายตัว ว่าศาลฎีกายกฟ้องปมควบคุมตัว ย้ำคดีถึงที่สุดแล้ว

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ชี้แจงผู้บริหาร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แถลงข่าวกรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ โดยมีข้อความว่า

กรณีนายบิลลี่ หายตัวไปเมื่อปี 2557 ต่อมา ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ และลงพื้นที่เพื่อสืบสวน จากนั้น วันที่ 3 กันยายน 2562 ได้แถลงผลความคืบหน้า ดังนี้ พบชิ้นส่วนกระดูก จำนวน 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้น ได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจพิสูจน์พบว่า “วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ และตรวจพบว่าสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี่ รักจงเจริญ จึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของนายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้ว นอกจากนั้น พบชิ้นส่วนกระดูกเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ชิ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

นายชัยวัฒน์ ชี้แจงว่า กรณีหายตัวไปของบิลลี่นั้น นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 ว่านายชัยวัฒน์ จับกุมและควบคุมตัวนายพอละจี พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ และน้ำผึ้งเป็นของกลาง แต่นายชัยวัฒน์ ไม่ได้นำตัวนายพอละจี ไปดำเนินคดี จนกระทั่งปัจจุบันไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือสามารถติดต่อนายพอละจีได้ เชื่อว่า นายพอละจี ยังอยู่ในความควบคุมของนายชัยวัฒน์ อันเป็นการควบคุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งปล่อยนายพอละจี หรือบิลลี่ และให้กรมอุทยานฯ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเยียวยาความเสียหายตามที่ศาลเห็นสมควร

ผลคดี ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง เมียบิลลี่ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน ถือว่า คดีถึงที่สุด