“จุรินทร์”ลุยเอง! สวมบทเซลล์แมน ดันส่งออก ยัน! ดูแลฐานราก

by ThaiQuote, 18 ตุลาคม 2562

”จุรินทร์” ชี้แจงฝ่ายค้าน ยันรัฐบาลดูแลเศรษฐกิจฐานราก โชว์ประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ทำสำเร็จแล้ว 3 อีก 2 ชนิดกำลังนัดประชุม ส่วนพืชเกษตรตัวอื่น มีหลายมาตรการเข้ามาดูแล ด้านการส่งออก แม้จะหดตัว จากภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า แต่ไม่ท้อ สวมบทหัวหน้าทีมเซลล์แมนเดินทางขายสินค้าต่อเนื่อง พร้อมเร่งทวงคืนตลาดบางตลาดที่เสียไป อย่างข้าวในอิรัก และเร่งรัดการค้าชายแดน
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการอภิปรายงบประมาณของ ส.ส.ฝ่ายค้านในส่วนของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากว่า ได้ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน คือ นโยบายประกันรายได้เกษตรกร มีสินค้า 5 ชนิด คือ ปาล์มน้ำมัน ข้าว ยางพารา มันสำปะหลังและข้าวโพด และยังให้ความสำคัญกับพืชเกษตรอื่นๆ แต่ใช้ยาคนละขนาน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
         
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการประกันรายได้ ขณะนี้ได้ทำสำเร็จไปแล้ว 3 ชนิด คือ ปาล์มน้ำมัน จ่ายเงินส่วนต่างไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2562 จะจ่ายงวดต่อไป 15 พ.ย.2562 หรือทุก 45 วัน รวม 8 งวด ข้าว จ่ายวันที่ 15 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา โดยเกษตรกรที่มีปัญหายังไม่ได้รับเงิน ก็ได้รับเงินส่วนต่างแล้วเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2562 และยางพารา จะจ่ายงวดแรก 1-15 พ.ย.2562 ส่วนมันสำปะหลัง มีการนัดประชุม 3 ฝ่าย ที่จ.อุดรธานี วันที่ 27 ต.ค.2562 ข้าวโพด จะนัดประชุมที่จ.เพชรบูรณ์ ต้นเดือนพ.ย.2562 และจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามกระบวนการต่อไป
         
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับการส่งออก พบว่า ในช่วง 10 เดือนของปี 2562 ติดลบ 2.5% เกิดจากภาวะตกต่ำของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้ง Brexit ทำให้หลายประเทศส่งออกติดลบ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าผลักดันการส่งออกอย่างต่อเนื่อง มีการตั้ง กรอ.พาณิชย์ เพื่อประสานความร่วมมือให้เอกชนเป็นทัพหน้า ภาครัฐเป็นทัพหนุน มีการตั้งวอร์รูมทำงานขับเคลื่อนเป็นรายสินค้า และตนเองก็จะทำหน้าที่เป็นพนักงานขายควบคู่ไปกับการทำงานของทูตพาณิชย์ ซึ่งที่ผ่านมา นำทัพไปขายสินค้าแล้วหลายประเทศ เช่น ที่หนานหนิง ช่วยขายมัน 2.6 ล้านตัน มูลค่า 18,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มขายได้อีก ขายยางพาราที่อินเดียได้ 9,000 ล้านบาท และกำลังจะไปจัดเทศกาลผลไม้ไทยที่จีน เอามะม่วง ลำไย มะขาม และสินค้าดาวรุ่งอย่างมะพร้าวน้ำหอมไปขาย รวมทั้งจะนำทัพไปขายยางพาราและมันสำปะหลังที่ตุรกรีและเยอรมนีในเดือนพ.ย.2562
         
ขณะเดียวกัน จะเร่งเจรจาเปิดเสรีการค้า โดยจะเร่งการเจรจาอาร์เซ็ป ให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพื่อสร้างตลาดที่ใหญ่เกือบครึ่งโลก และเริ่มต้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รวมถึงไทย-อังกฤษ
         
นอกจากนี้ จะเร่งทวงคืนตลาดที่เคยเสียไป อย่างตลาดข้าวในอิรัก ที่ไทยเคยตลาดนี้ไป เนื่องจากเอกชนของไทยรายหนึ่งส่งข้าวคุณภาพต่ำไปให้อิรัก ทำให้เขาโกรธมาก แต่ได้คลี่คลายปัญหานี้ได้แล้ว หลังจากมอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เดินทางไปอิรัก จนอิรักยอมทำ MOU กับไทย เพื่อรับซื้อข้าว และยังจะเร่งรัดการค้าชายแดน ซึ่งที่ผ่านมา ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาไปแล้ว ที่สะเดา มุกดาหาร และแม่สอด