อนุทิน ยันการแบน3สารพิษทำตามหน้าที่

by ThaiQuote, 22 ตุลาคม 2562

"อนุทิน" ชี้แบน3สารพิษทำตามหน้าที่ - รู้ตัวแล้วใครเข้าข้างใครในการโหวต ด้านผู้ชุมนุมผิดหวัง ลุยต่ออนายกฯตัดสิน ไม่คืบฟ้องศาลปกครอง ส่วนปานเทพ โพสต์หนุนรมว.สาธารณสุข

ความคืบหน้าในการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อกำหนดทิศทางการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร ได้แก่ พาราควอต ไกรโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งที่ประชุมมีมติให้แบนสารพิษดังกล่าว

ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สิ่งที่น่ายินดีคือประเทศไทย ยังมีนักวิชาการ และข้าราชการที่มีคุณธรรม มีสำนึกต่อประชาชน โดยเฉพาะข้าราชการที่ลงมติแบน มาจากหลากหลายกระทรวง นี่คือข้าราชการที่ประชาชนพึ่งพาได้

 

 

เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่เป็นภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชน ขอทวนว่าเรื่องการแบนสารพิษ ไม่ใช่นโยบายหาเสียง แต่มาอยู่ตรงนี้ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องทำ และดีใจที่ตัวแทนของกระทรวง 3 ท่าน ทั้งเลขาธิการ อย., อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอธิบดีกรมการแพทย์ ที่พร้อมใจไปด้วยตนเอง และโหวตแบนอย่างเปิดเผย ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อถามว่า ฝ่ายหนุนการใช้สารเคมีทางการเกษตร เตรียมยื่นศาลปกครอง เพื่อระงับผลโหวต นายอนุทิน กล่าวว่า ฝ่ายที่มีหน้าที่แบน ก็ทำงานอย่างสุดชีวิต อีกฝ่าย ก็ทำอย่างสุดชีวิตเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ผลออกมาแบบนี้ ช่วยลดความกดดันเรื่องการลาออกจากรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ทำตามหน้าที่ อย่างไรก็ตองเดินหน้าเรื่องนี้ เรื่องสารพิษ เป็นเรื่องของความเป็นความตาย มันไม่ใช่ว่าจะตายเลย แต่อยู่อย่างทรมาน แล้วก็ตาย สารพิษ ใครไม่เคยโดน ไม่รู้ ผลการศึกษาบอกว่าสารเหล่านี้ มีผลกระทบถึงทารก ส่งผ่านทางสายเลือด ความดีของมันคือช่วยทุ่นแรง เมื่อบวกลบแล้ว สิ่งที่ได้มากับเสียไป เสียมากกว่าได้ มันไม่คุ้มที่จะให้ใช้

 

 

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงประเด็นการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากผลโหวตดังกล่าวว่า แต่ละกระทรวงต้องไปหาวิธีการเยียวยา แต่มั่นใจว่า หลังจากนี้จะมีสารตัวใหม่มาให้พิจารณา และอะไรที่ไม่ดี ก็ต้องถูกแบนไป โดยที่ประชุมให้ใช้สารทั้ง 3 ได้จนถึงวันที่ 1 ธันวาคม ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ต้องมีวิธีรับมือ ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องสำรองยาในการรักษาต่อไป

"นี่ไม่ใช่ผลงาน แต่ผมทำตามหน้าที่ วันนี้เรารู้แล้วว่าใครโหวตเลือกข้างไหน ก็จำไว้ ว่าใครโหวตอย่างไร ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหว ถือเป็นสิทธิ์ แต่ขอว่าให้อยู่ในกรอบ และความจริงคือ 3 สารดังกล่าว เราจะเลิกใช้กันมานานแล้ว แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายต่อเวลาให้เรื่อยมา ครั้งนี้ มันจะครบกำหนดการต่อเวลา เลยมาโหวต ก็ได้ผลว่าให้เลิกไปเลย ทั้งนี้ อย่าไปเลี่ยงบาลี เพื่อให้ได้ใช้สารพิษต่อ"

ขณะเดียวกัน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังรับทราบมติยกเลิกการใช้3สาร ให้มีผลวันที่1ธ.ค.62ว่าขอน้อมคารวะ คณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติตามความเห็นของ 3 กระทรวงให้แบน3สาร ขอขอบคุณที่มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้พูดว่าเป็นชัยชนะของใคร มองว่าทุกฝ่ายเป็นคนไทยด้วย ต้องทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศไทยและปลอดภัยทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค

หลังจากนี้กระทรวงเกษตรฯจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ว่าต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไร จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาดูว่า ปุ๋ยอินทรีย สารชีวะภัณฑ์ ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาการขึ้นทะเบียนไม่ได้ จะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฏหมายได้ รวมถึงมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และเกษตรกร เช่นควรมีการเก็บตัวอย่าง พืชสมุนไพรไทย ที่มีฤทธิ์จำกัดศัตรูพืช ในแต่ละช่วงของพืชสมุนไพร ดูว่าช่วงไหนให้ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อนำมากำหนดเงื่อนเวลา มาตรฐานการผลิต มาตรฐานการใช้ได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดกว้างให้เกษตรกร ได้มีทางเลือกใช้ทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้แม้จะไม่มีสาร3ตัว แต่ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตร ได้อนุญาตให้นำเข้าตามกฏหมาย อยู่แล้วหลายร้อยชนิด ซึ่งเกษตรกรใช้อยู่กันเป็นประจำ

“ใครต้องการเสนอสิ่งที่ดีในการทำเกษตร มาหาพี่ได้ ให้มาร่วมมือกันทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศ พร้อมดูแลเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าชนิดพืชใด จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลเกษตรกร เพื่อให้ตรงกับความต้องการ ส่งไปตรวจสอบความเป็นอยู่เกษตรกร ให้ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกษตรกรต้องการให้ช่วยเหลือ นอกจากนี้จะเปิดกว้างให้ขึ้นทะเบียน ปุ๋ยอินทรีย์ สารทดแทน สารชีวภาพ ยังมีหลายตัวให้มาขึ้นทะเบียน จากที่ไม่เคยผ่านการอนุญาตให้จดทะเบียน โดยจะมาหารือกันทำอย่างไรให้สูตรต่างๆถึงเกษตรกร สามารถนำไปทำเองใช้ได้แพร่หลายด้วย”น.ส.มนัญญา กล่าว

รมช.เกษตรฯกล่าวว่าถ้าถามความรุ้สึกวันนี้ ไม่เป็นชัยชนะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ซึ่งจะให้บอกความรู้สึกบอกไม่ถูก จริงๆแล้วพี่เป็นคนของพี่น้องประชาชน จะดีใจ หรือเสียใจ คงไม่ได้ ถ้าถามว่ามาตรการเดินหน้าต่อไปคือดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด

“วันนี้พี่ชาดา ห่วงสถานการณ์ไม่ค่อยปกติ ได้เรียกตัวให้กลับบ้านจ.อุทัยธานี ท่านอยากดูแล”น.ส.มนัญญา กล่าว
รมช.เกษตรฯกล่าวอีกว่าวันนี้ประชุมครม. ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าหน้าห้องประชุมคก.วัถตุอันตราย ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ คงไม่ใช่ตัวเราคนเดียว มาจากพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่าย ใครๆก็อยากทานอาหารปลอดสารปลอดภัย ไม่ใช่ชัยชนะของใคร ขอบคุณทุกฝ่ายอีกครั้ง ทุกหน่วยงานร่วมกันสนับสนุนการแบนสาร

แหล่งข่าวในกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาในการขึ้นทะเบียนให้เกษตรกรมาเข้ารับอบรมการใช้สารเคมี ตามมาตรการจำกัดการใช้ มีเพียง4-5แสนคนเท่านั้น หากเทียบเคียงกับเกษตรกร ผู้ปลูกสวนยาง 1.4 ล้านราย มีพื้นที่ปลูกยาง 17ล้านไร่ ผู้ปลูกอ้อย 8แสนราย พื้นที่ปลูก8ล้านไร่ และเกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง 1.8 ล้านไร่ ปลูกข้าวโพด 4ล้านไร่ ปาล์มน้ำมัน7ล้านไร่ แต่การที่มีเกษตรกรมาขอขึ้นทะเบียนอบรมใช้สาร เพียงเท่านี้ หมายถึงว่าเกษตรกรส่วนใหญ่กว่า30ล้านราย ไม่จำเป็นต้องใช้สาร3ตัวนี้ นอกจากนั้นในการใช้พาราควอต จำกัดหญ้า จะใช้เริ่มปลูกต้นยางในช่วงอายุต้นยาง 1-4ปีเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ใช่ เมื่อเปิดกรีดได้ และผู้ปลูกยางรายใหม่ ถ้าพิจารณาจากโครงการส่งเสริมของรัฐปลูกยางใหม่ ทดแทนสวนยางเก่า มีพื้นที่ปีละ4แสนไร่ ทำให้เห็นว่าปริมาณนำเข้าสารเคมีที่ผ่านมามากเกินกว่าจำนวนพืชไร่ พืชสวน ที่จะใช้สาร ที่มีความจำเป็นต้องใช้

อย่างไรก็ดี สำหรับบรรยากาศหน้าห้องประชุมนั้น ผู้ชุมนุมได้แสดงความผิดหวังต่อมติที่ออกมา ด้านน.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ในฐานะผู้แทนเกษตรกรดำเนินสะดวก กล่าวว่า แม้จะมีมติดังกล่าวออกมาก็ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมครั้งนี้ร้องไห้ เพราะยังมีความหวังอีก 2 ทางเลือก ทางเลือกแรก คือ วันที่ 28 ต.ค.จะยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ยกเลิกการใช้ 3 สารเคมีดังกล่าว โดยจะนำส่งหลักฐานชิ้นใหม่ส่งให้ และขอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง

ทางเลือกสองคือ รอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับจากภารกิจประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากได้รับการประสานจากทีมงานว่า นายกรัฐมนตรี จะเปิดให้รับฟังความคิดเห็นใหม่จาก 4 ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งในช่วงที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีหน่วยงานใดปฏิบัติตาม

ขณะเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปจากเพจนายอนุทิน ในแฟนเพจเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า “ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนในการยกเลิก 3 สารพิษสำเร็จได้ในวันนี้”