ก.คลังจับมือภาคอสังหาฯ 3 สมาคม จัดแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อบ้าน เร่งหารือ ธปท.ผ่อนเกณฑ์วงเงิน 5 หมื่นล้านของ ธอส. หวังได้ยอดกู้เต็ม 100%

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า จากการหารือผู้บริหารธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผู้บริหารสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมอาคารชุดไทย , สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดเล็ก กลาง ขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้มาตรการอสังหาริมทรัพย์ฯ และช่วยระบายสต๊อกคงค้างของผู้ประกอบการไม่ให้ทรุดตัวลงไปมากกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้ภาคเอกชนได้ขอให้กระทรวงการคลังประสานกระทรวงหาดไทย เรื่องประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพิ่อจะได้ดำเนินตามมาตรการให้เร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการขอให้กระทรวงการคลังประสานกัน ธปท.ผ่อนปรนกฎเกณฑ์ LTV เฉพาะกลุ่มของสินค้าซื้อบ้านจาก ธอส. วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อให้ขอกู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าบ้าน ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ก.คลังได้เตรียมร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ฯ จัดแคมเปญใหญ่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี เพื่อให้ผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นใหญ่ ลด แลก แจกแถม ผ่านโครงการของรัฐร่วมกันในช่วงเดียวกัน หวังระบายบ้านค้างสต็อก 35,000 ยูนิต

สำหรับการออกมาตรการครั้งนี้ คาดว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาส 4 จะไม่ทรุดตัวมากตามที่คาดการณ์ว่าภาคอสังหาฯยังขยายตัวได้ร้อยละ 5-7ในปี 2562 เพราะกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนในตลาดถึงร้อยละ 60 ของอสังหาฯทั้งระบบ

ด้านมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดภาระให้แก่ประชาชน ตามที่ครม.ได้เห็นชอบ ให้มีการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และการจดทะเบียนการโอน และการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 รวมทั้งมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% คงที่ในช่วง 3 ปีแรก วงเงิน 50,000 ล้านบาท

ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า เมื่อภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดแคมเปญใหญ่ บวกกับกระตุ้น มาตรการรัฐช่วยเหลือครั้งนี้ จะส่งผลต่ออุตสากรรมหลายด้านทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาคก่อสร้าง การตกแต่งภายใน และอีกหลายสาขา ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น จึงคาดว่ายอดยอดอสังหาฯ จากปีก่อน 196,000 ยูนิต จากมาตรการรัฐส่งเสริม 35,000 ยูนิต จากคาดการเดิม 175,000 ยูนิต จะทำให้มียอดขายประมาณ 210,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีก่อน

ขณะเดียวกันนางอาภา อรรถบูบูรณ์วงศ์ สมาคมอาคารชุดไทย ยอมรับว่าที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมชะลอตัวร้อยละ 20 บ้านจัดสรรลดลงเล็กน้อย เมื่อมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯออกมา จะช่วยพยุงให้กลุ่มอสังหาฯไม่ทรุดตัวไปมากตามที่กังวล และการซื้อบ้านจะไม่เหมือนกับการซื้อสินค้าทั่วไป เพราะกว่าจะโอนได้ต้องอีกหลายขั้นตอน ยอดการโอนบ้านจากการซื้อขายนช่วงปลายปี จะไปทำนิติกรรมได้ในเดือนมกราคม นับว่าเป็นผลบวกทางจิตวิทยาให้ภาคอสังหาฯดีขึ้น