ชิมช้อปใช้เฟส 3 รอดูผลลัพธ์ของเฟส 1-2 หวังกระตุ้นกระเป๋า 2

by ThaiQuote, 11 พฤศจิกายน 2562

รอการประเมินชิมช้อปใช้เฟส 1-2 ก่อน หากจำเป็นเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะออกเฟส 3 ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องอื่นๆ นั้นต้องรอโค้งสุดท้ายของปีนี้ จึงจะประเมินและออกมาตรการมาขับเคลื่อน

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ทางกระทรวงการคลังมีแนวทางในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจในปี 2563 อยู่แล้ว แต่ต้องรอให้ผ่านพ้นระยะสุดท้ายของปีนี้ก่อน เพื่อนำภาพรวมของปี 2562 มาประเมิน เพื่อหามาตรการและแนวทารองรับในปี 2563

ทั้งนี้เนื่องจากโดยภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้อยู่ในระยะชะลอตัว เนื่องจากมีปัจจัยลบต่างๆ เข้ามากระทบโดยภาพรวมเศรษฐกิจของปีนี้ ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวจริง เพราะมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ ตั้งแต่ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจของจีน-สหรัฐ จนเกิดสงครามการค้า การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิท) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การส่งออกลดลง การท่องเที่ยวเติบโตแบบชะลอตัว ตลอดจนการประท้วงในเกาะฮ่องกง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งระดับฐานราก กลางและบน

“ภาคเอกชนและนักวิเคราะห์ รวมถึงนักวิชาการต่างๆ ได้ชี้ว่า ขณะนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำได้ง่าย และเห็นผลเร็วที่สุด จะเป็นการกระตุ้นในส่วนของการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวก็เห็นด้วยมากๆ ภาครัฐจึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยเฉพาะมาตรการชิมช้อปใช้ ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนสูงมาก ส่วนการจะมีชิมช้อปใช้ เฟส 3 ออกมาหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด ว่าจะมีการเพิ่มเติมในส่วนใดบ้าง ที่จะทำให้มาตรการเห็นผลดีและเกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะต้องการให้ผู้ได้สิทธิ ใช้เงินผ่านกระเป๋า 2 มากขึ้น เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินมากกว่านี้”นายชาญกฤชกล่าว

นายชาญกฤชกล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามที่จะออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การกระตุ้นกลุ่มฐานรากด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ประกันรายได้เกษตรกร ระดับกลาง เน้นการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (เอสเอ็มอี) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ในระดับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ด้วยการร่วมมือกับธนาคารเอสเอ็มอี ในการออกสินเชื่อเอสเอ็มอีโตไว ไทยยั่งยืน วงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท และโครงการส่งเสริมเอสเอ็มอีรายย่อย โดยได้เตรียวงเงินสินเชื่อไว้กว่า 10,000 ล้านบาท และขยายกลุ่มไปยังบุคคลธรรมดา ให้สามารถเข้ามากู้ได้ใ เพื่อไม่ให้จำกัดอยู่ในกลุ่มนิติบุคคลเท่านั้น รวมถึงโครงการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งออกมาคือ บ้านในฝันรับปีใหม่

นายชาญกฤชกล่าวว่า สำหรับโครงการบ้านในฝัน ที่จะสนับสนุนให้คนในระดับกลาง ได้มีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เอื้ออำนวยเท่าที่ควร ทำให้หากมีการกระตุ้นในลักษณะการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ ก็น่าจะช่วยกระตุ้นให้ภาคอสังหาฯ กลับมาดูดีขึ้นได้ ในส่วนของมาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติม ก็คงต้องศึกษากันต่อไป รวมถึงการจะได้เห็นมาตรการช้อปช่วยชาติส่งท้ายปีออกมาหรือไม่นั้น เบื้องต้นหากประเมินแล้วว่าจำเป็นและช่วยได้จริง ก็อาจจะมีออกมาก็ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีความชัดเจนมากเท่าที่ควร