กษัตริย์สวาซิแลนด์ ทรงซื้อรถหรู 139 คัน เป็นของขวัญให้พระชายา 14 พระองค์

by ThaiQuote, 14 พฤศจิกายน 2562

เป็นที่โจษจัน! กษัตริย์สวาซิแลนด์ ทรงซื้อรถ BMW 120 คัน Rolls-Royce อีก19 คัน เป็นของขวัญให้พระชายา 14 พระองค์ โดนวิจารณ์หนัก ระบุ ทรงกระทำไม่เหมาะสม เหตุพสกนิกรในประเทศยังยากจนอีกมาก

สื่อต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอึงสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตีนี (King Mswati III of Eswatini) พระมหากษัตริย์แห่งประเทศสวาซิแลนด์ ทรงซื้อรถยนต์หรู 139 คัน ทั้ง Rolls-Royce 19 คัน และรถ BMW 120 คัน พระราชทานเป็นของขวัญให้พระชายา 14 พระองค์ รวมมูลค่าทั้งหมดในการจัดซื้อกว่า 505 ล้านบาท

โดยมีการเผยแพร่ภาพรถหรูหลายคันที่ถูกหุ้มพลาสติก กำลังขนส่งจากแอฟริกาใต้ไปยังสวาซิแลนด์ ผ่านทวิตเตอร์ “ Mzilikazi wa Afrika” ซึ่งเป็นนักข่าวสืบสวนของแอฟริกาใต้ โดยระบุแคปชันว่า “ขณะที่เศรษฐกิจของสวาซิแลนด์กำลังตกต่ำ แต่สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 กลับซื้อของขวัญราคาแพงเป็นของขวัญพระชายาของพระองค์ โดยไม่สนใจประชาชนที่กำลังอดอยาก”

 

 

Wandile Dludlu ผู้นำฝ่ายค้านในระบอบราชาธิปไตย ของสวาซิแลนด์ กล่าวว่า “รถยนต์เหล่านี้มีไว้สำหรับครอบครัวใหญ่ของพระองค์ การแสดงออกเหล่านี้สื่อถึงความละเลยพสกนิกรที่ยากจนในสวาซิแลนด์ เหมือนเป็นการชูนิ้วกลางใส่ผู้ที่ไม่เห็นด้วย และประกาศว่าพระองค์คือกฎหมาย และปฏิบัติตนอย่างไรก็ได้

“พระองค์คือพระราชาที่ฟุ่มเฟือย ซื้อสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเองและครอบครัว” Dludlu กล่าว

 

ทั้งนี้ ข้อมูลของธนาคารโลกระบุว่า ชาวสวาซิแลนด์ราว 40% มีรายได้น้อยกว่า 1.90 เหรียญฯ ต่อวัน (ไม่เกิน 60 บาท)

สำหรับประเทศเอสวาตีนี หรือสวาซิแลนด์ มีชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรเอสวาตีนี (Kingdom of Eswatini) เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่ คือ แอฟริกาใต้และโมซัมบิก

 

 



ชนชาติสวาซีเดิมอาศัยอยู่ทางแอฟริกากลาง โดยได้เคลื่อนย้ายลงมาทางแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรเอสวาตีนีในปัจจุบันประมาณปี ค.ศ. 1750 ภายใต้การปกครองของพระเจ้าอึงวาเนที่ 3 จึงได้ถือว่ากษัตริย์พระองค์นี้เป็นกษัตริย์องค์แรกของราชอาณาจักรเอสวาตีนีปัจจุบัน โดยครองราชย์อยู่จนถึงปี ค.ศ. 1780

ต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1973-1977 สมเด็จพระราชาธิบดีซอบูซาที่ 2 แห่งราชวงศ์ดลามีนี ได้ทรงปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงการปกครองของเอสวาตีนี โดยได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มอำนาจการปกครองให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และห้ามการจัดตั้งพรรคการเมือง

 

 

 

นอกจากนี้ ได้ทรงวางรากฐานการปกครองประเทศเอสวาตีนีซึ่งใช้ปกครองประเทศสืบมาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงนำแนวทางการปกครองประเทศแบบตะวันตกผสมผสานกับการปกครองตามประเพณีดั้งเดิมเข้าด้วยกัน ปัจจุบันสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ซึ่งมีอิทธิพลเหนือราชอาณาจักรเอสวาตีนีพยายามกดดันให้เอสวาตีนีเปลี่ยนเปลงการปกครองเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ก่อนการสวรรคตของพระเจ้าซอบูซาที่ 2 ในปี ค.ศ. 1982 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระมเหสีเจลีเว (Queen Dzeliwe) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จนกว่าเจ้าชายมาคอเซตีเว (Prince Makhosetive) ซึ่งประสูติแต่พระสนมอึงตอมบี (Ntombi) จะบรรลุนิติภาวะพระชันษา 21 ปีบริบูรณ์ แต่หนึ่งปีต่อมาพระสนมอึงตอมบีได้ยึดอำนาจจากพระมเหสี หลังจากนั้นอีก 3 ปีเจ้าชายมาคอเซตีเวที่มีพระชันษา 18 ปี ก็เสด็จขึ้นครองราชย์สถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าอึงสวาตีที่ 3 (Mswati III) แต่ก็ปกครองอาณาจักรร่วมกับพระมารดาในลักษณะพระมหากษัตริย์คู่จึงถึงปัจจุบัน


ที่มา : kenyandigest

dailymail

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ลูกชายมหาเศรษฐีจีน จ๋อย! ศาลสั่งห้ามใช้ชีวิตหรูหรา