“สุริยะ” ปลื้ม ยอดจ้างงานนิคมฯ เพิ่ม 1.4 หมื่นคน ลงทุนรวม 7.4 หมื่นล้านบาท

by ThaiQuote, 12 สิงหาคม 2563

กระทรวงอุตสาหกรรม ปลื้ม ยอดคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการในนิคมฯ 3 ไตรมาสปี 63 พุ่ง จ้างงานเพิ่มกว่า 1.4 หมื่นราย สร้างเม็ดเงินลงทุนกว่า 7 หมื่น ลบ.

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ไตรมาสของปีงบประมาณ 2563(ต.ค.62-มิ.ย.63) มีนักลงทุนที่ยื่นคำขอใบอนุญาตแจ้งเริ่มประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่เปิดดำเนินการแล้ว 33 แห่งจากทั้งหมด 66 แห่ง โดยพบว่าจำนวนผู้ประกอบการแจ้งเริ่มประกอบกิจการ รวมทั้งสิ้น 163 ราย

 

 

ทั้งนี้ แบ่งออกเป็นการขออนุญาตประกอบกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC) จำนวน 104 ราย และนิคมอุตสาหกรรมนอกพื้นที่ EEC จำนวน 59 ราย ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 14,698 ราย รวมมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 74,395 ล้านบาท

โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 (ต.ค.61- มิ.ย.62) พบว่ามีผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต เพิ่มขึ้น 41 ราย และมูลค่าการลงทุน เพิ่มขึ้นจาก 50,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46.7%

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 มีสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทำให้การดำเนินธุรกิจภายในประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติ เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมซึ่งรายงานโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ที่มีแนวโน้มดีขึ้น

ด้าน น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอใบอนุญาตประกอบกิจการ มีทั้งผู้ที่แจ้งประกอบกิจการใหม่ และขยายกิจการเดิม ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง อุตสาหกรรมยาง พลาสติก และหนังเทียม อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักรและอะไหล่ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซียังคงครองแชมป์มีนักลงทุนให้ความสนใจมาลงทุนเป็นลำดับแรก

“ไทยมีข้อได้เปรียบหลายด้านที่เอื้อต่อการลงทุนโดยเฉพาะการมีซัพพลายเชนที่ดี (อ้างอิงข้อมูลจากผลการสำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) ) เมื่อเทียบกับหลายประเทศในแถบอาเซียน อีกทั้งการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ซึ่งในนิคมอุตสาหกรรมมีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมาลงทุน ประกอบด้วย ญี่ปุ่น ร้อยละ 27.27 จีน ร้อยละ 16.36 ไต้หวัน ร้อยละ 9.09 ออสเตรเลีย ร้อยละ 5.45 และฮ่องกง ร้อยละ 5.45” ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวในตอนท้าย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ไทยดีที่สุดในโลก “ประเทศที่ทุกข์ยาก” น้อยที่สุด