ก.อุตฯ มั่นใจ อุตฯ ยา-อาหาร นำโด่งอุตสาหกรรมดาวรุ่งปี 64

by ThaiQuote, 19 พฤศจิกายน 2563

“สุริยะ” ชูอุตสาหกรรมดาวรุ่งปี 2564 ยา-อาหารโต ต่อเนื่อง ชี้ภาคอุตฯ ต้องปรับตัวให้ทันความต้องการยุค New Normal หลังพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่เน้นสินค้าจำเป็นมากขึ้น เช่น สินค้ากลุ่มอุปโภคและบริโภค

โดยผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประมาณการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเป็นอุตสาหกรรมเด่นที่ขยายตัวต่อเนื่องในปี 2564 ซึ่งมาจากปัจจัยด้านความต้องการในการรักษาโรค และความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และอุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าทั้งปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน

เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมถุงมือยางที่คาดว่าในปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) คาดว่าทั้งปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการสำรองสินค้าทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่ใช้ในครัวเรือน คาดว่าในปี 2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้สินค้าประเภทตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟและกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการสำรองอาหารสดไว้ที่บ้านเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการมีการลดราคาสินค้า ส่วนเครื่องซักผ้ามีการส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น

ในขณะที่อุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อ อุตสาหกรรมปิโตรเลียมอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าเริ่มฟื้นตัวตามปัจจัยการฟื้นตัวของการบริโภคของภาคเอกชนหรือครัวเรือน และการจ้างงานเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติแล้ว ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เริ่มกลับมาดีขึ้น รวมถึงมาตรการภาครัฐที่มีโครงการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ

สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเภสัชภัณฑ์จะเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในปี 2564 เนื่องจากสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ แต่ในภาพรวมภาคอุตสาหกรรมผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัว

โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการห่วงโซ่การผลิต มุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการปล่อยมลภาวะและสร้างเศรษฐกิจสีเขียว สามารถตอบสนองต่อความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่กำลังขยายตัวอยู่ทั่วโลก

ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคและต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal โดยผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับเรื่องดังต่อไปนี้

1. การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้การซื้อของและการทำธุรกรรมทางการเงินมาอยู่บนสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายทำให้เกิดเศรษฐกิจเชิงแบ่งปันโดยไม่ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งผู้ขายสามารถขายสินค้ากับผู้ซื้อได้โดยตรง

2. ห่วงโซ่การผลิต เมื่อระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์สามารถทำงานแทนคนได้เกือบทั้งหมด ทำให้หลายธุรกิจซึ่งเดิมกระจายขั้นตอนการผลิตไปหลายๆ ที่ทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่

3. สิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชากรโลก โดยคาดว่าในอนาคตน้ำสะอาดจะเป็นสิ่งที่ขาดแคลน ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตของประชากรโลก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์หรือมาตรฐานในการทำธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากขึ้น

4. แรงงาน จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในอนาคตอีก 15-20 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยกำลังเป็นประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นและคนวัยทำงานน้อยลง ส่งผลต่อโครงสร้างแรงงานที่เปลี่ยนไปทำให้การทำธุรกิจในรูปแบบเดิมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากอาจไม่เหมาะสม ภาคธุรกิจจึงต้องปรับรูปแบบการผลิตจากการเน้นความได้เปรียบจากต้นทุนค่าแรงหรือใช้แรงงานจำนวนมากเปลี่ยนเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม

 

ข่าวที่น่าสนใจ

บิ๊กตู่สุดปลื้ม ดันลงนาม 'RCEP' สำเร็จ หลังทุ่มมานานถึง 7 ปี