“โชห่วย” แชมป์ร้านค้าใกล้บ้าน ครองใจคนไทย แซงหน้า “ร้านสะดวกซื้อ”

by ThaiQuote, 1 ธันวาคม 2564

ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนการใช้บริการ “ร้านโชห่วย” ในช่วงเดือน ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) พบว่า 87% ของคนไทย ยังคงเห็นว่าร้านโชห่วย มีความจำเป็นต่อการซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน


“ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงเดือน ต.ค.64 จำนวน 8,428 คน ทุกอำเภอทั่วประเทศ มากกว่าร้อยละ 87 คิดว่าร้านโชห่วยมีความจำเป็นต่อการซื้อสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร และผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก ซึ่งจะซื้อสินค้าค่อนข้างบ่อย ภายในวงเงินไม่เกิน 300 บ./ครั้ง” “รณรงค์ พูลพิพัฒน์” ผู้อำนวยการ สนค. กล่าว

 

สำหรับรายละเอียดของผลสำรวจ พบว่า ด้านความจำเป็น คนไทย ยังคิดว่า ร้านโชห่วย มีความจำเป็น 87.53 % เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคกลางมากที่สุด 91.75% และส่วนใหญ่มีรายได้ไม่สูงมากนัก (ต่ำกว่า 30,000 บ./เดือน) 88.61% ขณะที่ความจำเป็นของร้านสะดวกซื้อ อยู่ที่ร้อยละ 88.02 และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ อยู่ที่ร้อยละ 77.65

 

ด้านความนิยม พบว่า ร้านโชห่วยเป็นที่นิยมของผู้บริโภค อันดับ 2 (35.19%) รองจากร้านสะดวกซื้อที่ผู้บริโภคนิยมสุงสุด (47.76%) และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เป็นที่นิยมอันดับ 3 (17.06%)

 

โดยผู้ที่นิยมซื้อสินค้าจากร้านโชห่วยส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือน (83.07%) เมื่อพิจารณารายอาชีพ พบว่า เกษตรกรนิยมซื้อสินค้าในร้านโชห่วยมากที่สุด (62.49%)


ขณะที่หากแบ่งเป็นรายภาค พบว่า ร้านโชห่วยได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคเหนือ (43.60%) และได้รับความนิยมน้อยสุดในกรุงเทพและปริมณฑล (13.34%)

 

จำนวนร้านจำหน่ายสินค้าในชุมชน พบว่ามีร้านโชห่วย 2 - 3 ร้าน/ชุมชน มีร้านสะดวกซื้อ 1-2 ร้าน/ชุมชน และมีซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ 1 ร้าน/ชุมชน

 

ความถี่ในการซื้อสินค้า พบว่าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าจากร้านโชห่วยและร้านสะดวกซื้อเฉลี่ย 2-3 วัน/สัปดาห์ ด้านค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงไม่เกิน 300 บ.

 

 

ข้อดีของร้านโชห่วย/ร้านค้าชุมชน คือ สะดวกในการเดินทาง (22.35%) ราคาถูก (12.94%) มีสินค้าแบ่งขาย (12.58%) มีสินค้าที่ต้องการ (12.55%) ความไว้วางใจ/คุ้นเคย/ความสัมพันธ์ที่ดี (12.05%)

 

จุดบกพร่องของร้านโชห่วย/ร้านค้าชุมชน คือ สินค้าไม่หลากหลาย (28.94%) สินค้ามีจำนวนน้อย (25.24%) สินค้าใกล้หมดอายุ/หมดอายุ (10.69%) ชำระด้วยเงินสดเท่านั้น (7.70%) คุณภาพต่ำ (6.75%)

 

ด้านสิ่งที่ร้านโชห่วยควรปรับปรุง คือ เพิ่มความหลากหลายของสินค้า (24.05%) การจัดวางสินค้า (17.48%) ความสะอาด (17.27%) คุณภาพสินค้า (14.61%) การจัดโปรโมชั่น (11.05%)

 

ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีนโยบายผลักดันและส่งเสริมเพื่อยกระดับร้านค้าโชห่วย/ร้านค้าชุมชนมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างมาก และการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกับร้านสะดวกซื้อที่เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

 

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงได้ดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมเพื่อยกระดับร้านค้าโชห่วย ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสร้างสมาร์ทโชห่วย เป็นการพัฒนาร้านโชห่วยทันสมัย ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยการให้องค์ความรู้การบริหารจัดการร้านค้าปลีกแบบง่าย ปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้มีความสะดวก สะอาด และทันสมัย

 

โครงการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ที่เชื่อมโยงร้านโชห่วยกับชุมชนและเครือข่าย เพื่อสร้างรายได้และก่อให้เกิดความยั่งยืน


และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เข้มแข็ง และยังมีส่วนช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืนต่อไป