นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า สถานการณ์ในปี 2565 เป็นแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หลายครั้งในปีนี้ และสร้างแรงกดดันส่งผ่านมายังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไม่มากก็น้อย เพราะหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดกัน ๆ หลายครั้ง คงอาจส่งผลให้ กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ย

สิ่งที่ ธอส.มีความเป็นห่วงมากที่สุด คือผลกระทบที่จะมีต่อเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อ จากดอกเบี้ยขึ้นจนทำให้เงินงวดของลูกค้าจ่ายปกติไม่พอที่จะนำไปตัดเงินต้นเพราะเงินงวดต้องนำไปตัดดอกเบี้ยก่อน จนทำให้ต้องปรับขึ้นเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี เพื่อให้เพียงพอต่อการตัดเงินต้นและดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว ธอส.จะพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ช้าที่สุด

“ตอนนี้ทางทีมไอทีได้เตรียมดูไว้แล้วว่าถ้าดอกเบี้ยขึ้นไม่ว่าจะเป็น 0.25% หรือ 0.5% จะมีบัญชีไหนบ้างที่ต้องปรับเงินงวดใหม่ โดยถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน ปรับสูงขึ้น 0.25% จะทำให้เงินงวดผ่อนบ้านปรับสูงขึ้น 500 บาท ในทุก ๆ วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ซึ่งจะมีสินเชื่อในพอร์ตที่จะต้องปรับเงินงวดเพิ่มขึ้นประมาณ 35% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท ขณะที่ใน 35% นั้น แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำ กับลูกค้าที่มีอาชีพอิสระ อย่างละ 50% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่น่าเป็นห่วงที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มลูกค้าที่มีอาชีพอิสระที่มีรายได้ไม่แน่นอน”

นายกมลภพ วีระพละ รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มงานการเงินและบัญชี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐมีแผนการขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. 65 เป็นต้นไป สำหรับประเทศไทยคาดว่าจะเริ่มได้รับผลกระทบในครึ่งปีหลัง โดยในส่วนของธอส. สิ่งที่ต้องระวังในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นคือเรื่องเงินงวดของลูกค้าที่ต้องปรับตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

สิ่งที่ต้องระวังในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นคือเรื่องเงินงวดของลูกค้าที่ต้องปรับตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความสอดคล้องของหนี้สินและทรัพย์สินต้องดูว่าจะสามารถรองรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นได้หรือไม่ซึ่งตอนนี้ก็มีการเตรียมความพร้อมในการรองรับไว้แล้ว ดังนั้นผลกระทบดังกล่าวคาดว่าจะไม่กระทบกับงบการเงินของธอส. มากนัก ทั้งนี้ตอนนี้ที่เรากังวลมากคือถ้าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วขึ้นทั้งตลาดสิ่งที่ต้องทำคือต้องไม่ให้กระทบประชาชนโดยทั่วไป โดยต้องพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยฝั่งเงินฝากก่อนเพื่อบรรเทาภาระของลูกค้า ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต้องมาดูสถานการณ์กันอีกครั้งว่าจะขึ้นอย่างไรไม่ให้กระทบในภาพรวม.