“ร้านกาแฟเด็กน้อย” รร.บ้านห้วยหัน ปูทางสู่อาชีพยั่งยืน ซีพีเอฟ สนับสนุนนักธุรกิจน้อย CONNEXT ED

by ThaiQuote, 3 มีนาคม 2565

ซีพีเอฟสนับสนุน“โครงการร้านกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน” ขับเคลื่อนโดยมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี ส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ด้านวิชาการ ด้านอาชีพตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

 

บรรยากาศร้านกาแฟขนาดย่อมที่ร่มรื่น ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ มีที่นั่งลานพักผ่อนรองรับการบริการแก่ลูกค้า พนักงานที่ให้บริการในร้านเป็นกลุ่มน้อง ๆ นักเรียน “โรงเรียนบ้านห้วยหัน” ตำบลวังชมภู อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ที่ผ่านการฝึกอบรมใน “โครงการร้านกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน” ฝึกอาชีพการทำกาแฟ เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ โดยมี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ สนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ของโรงเรียนแห่งนี้ ในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มูลนิธิสานอนาคตการศึกษาไทย CONNEXT ED ที่มีเป้าหมายยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทย สร้างเด็กดีและเด็กเก่ง

“ร้านกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน” ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนบ้านห้วยหัน-ไทรงาม จากการที่โรงเรียนได้รับเลือกให้เข้าโครงการหมู่บ้าน D-HOPE โดยหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของจังหวัดชัยภูมิ โรงเรียนเป็นจุดรับนักท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงเรียนใกล้ชิดเส้นทางธรรมชาติ มีน้ำตกแก่งดาดาด ผ่านด้านหลังโรงเรียน ในพื้นที่บริเวณโรงเรียนมีพิพิธภัณฑ์ชุมชนรอยเท้าไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกมากกว่า 210 ล้านปี การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าชาวบ้าน ของดีประจำชุมชน เช่น ผ้าขาวม้าทอมือ หลามปลาแม่น้ำชี ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ จะได้รับการต้อนรับจากยุวมัคคุเทศก์น้อยพาเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ สัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม และยังได้อุดหนุนร้านกาแฟของเด็กๆ อีกด้วย ที่สำคัญ คือ ร้านกาแฟที่นี่ ใช้กระบอกไม้ไผ่ที่ซื้อจากชาวบ้านเป็นภาชนะ ถือเป็นการช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

รร.บ้านห้วยหัน เป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่เปิดการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตั้งอยู่ในชุมชนที่ประกอบอาชีพเกษตรและรับจ้างทั่วไป ซึ่งโรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะด้านการประกอบอาชีพ ทักษะในการค้าขาย ด้วยการนำนักเรียนเข้าอบรมการทำกาแฟและน้ำผลไม้ เพื่อให้นักเรียนนำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ สร้างรายได้ให้แก่ตัวเอง โรงเรียน และชุมชน นักเรียนได้ใช้เวลาว่างเกิดประโยชน์ นอกจากนักเรียนเรียนรู้วิธีทำกาแฟแล้ว ได้เรียนรู้การบันทึกรายรับ-รายจ่าย คำนวณผลกำไรและขาดทุนที่เกิดจากการดำเนินโครงการ สู่การเป็นนักธุรกิจน้อยและประกอบอาชีพที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

 

 

“น.ส.วาสิตา นุยจันทึก” ครูที่ปรึกษาโครงการ ร้านกาแฟเด็กน้อย กล่าวว่า กิจกรรม “ร้านกาแฟเด็กน้อย” เน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะอาชีพจากการลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งปัจจุบัน การเปิดร้านกาแฟกำลังได้รับความนิยม และมีผู้ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟจำนวนมาก มีการปลูกเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีในประเทศ และในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ “สัมผัสรสชาติเมล็ดกาแฟเข้มข้น Arabica ผสมผสานกับ Robusta ที่มีกลิ่นหอมชวนดื่ม” เมื่อนำมาใส่ในแก้วไม้ไผ่ ก็ยิ่งทำให้มีรสชาติกลมกล่อมลงตัว ไม่เหมือนใคร ส่งเสริมทักษะการมีอาชีพให้กับนักเรียน สิ่งสำคัญเพื่อเป็นการส่งเสริมการสร้างรายได้ระหว่างการศึกษาอย่างยั่งยืนให้แก่นักเรียน โดยใช้เวลาในช่วงพักกลางวัน และหลังเลิกเรียนให้นักเรียนทำกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ มีความสามัคคี ร่วมมือทำงานเป็นทีม เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องดื่มที่ใส่แก้วกระบอกไม้ไผ่จากทางร้าน ถ่ายรูปเช็คอินลงเพจ “กาแฟเด็กน้อย By Huayhun School” จะได้รับส่วนลดทันทีแก้วละ 5 บาท มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์โปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้า เพิ่มทักษะในการวางกลยุทธ์การขายสินค้า ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้ฝึกการคำนวณงบประมาณต้นทุน-กำไร รายได้จากการขาย ฝึกให้นักเรียนมีจิตใจในการให้บริการ(Service mind) ยิ้มแย้มแจ่มใสมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และกิจกรรมการเขียนเพ้นท์แก้วบนกระบอกไม่ไผ่เอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการใช้แก้วไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติโดยมีปลูกไว้ในชุมชน เพื่อเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับชาวบ้าน ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และช่วยลดขยะพลาสติกรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

“ด.ญ. จิวาพร สิงห์ทอง หรือ น้องกิ่ง” นักเรียนชั้น ม.1 ซึ่งเข้าร่วมโครงการร้านกาแฟน้อย สู่อาชีพยั่งยืน กล่าวว่า นักเรียนที่ให้บริการในร้านกาแฟน้อย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้น ม. 1 แบ่งหน้าที่กัน เปิดร้าน จัดร้าน บดกาแฟ ชงกาแฟ ดูแลลูกค้า รับออเดอร์ กิจกรรมต่างๆที่เราได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมโครงการฯ ทำให้มีประสบการณ์การทำงานเป็นทีม มีความสามัคคี มีใจในการให้บริการ ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมให้เกิดประโยชน์ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ ได้เรียนรู้การคำนวณต้นทุน-กำไรจากการขาย รู้สึกภูมิใจเมื่อได้รับคำชมจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขอขอบคุณมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาไทย CONNEXT ED ที่มอบโอกาสดีๆให้กับพวกเรา

ด้าน ด.ญ. สุธิดา น้อยปัญญา หรือ น้องเมย นักเรียนชั้น ม.1 เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการฯและได้ฝึกอบรมการทำกาแฟ กล่าวว่า ได้ประสบการณ์หลายอย่าง สามารถนำความรู้จากการฝึกทำกาแฟ และการชงเครื่องดื่มต่างๆ ไปประกอบอาชีพในอนาคต สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวในระหว่างเรียน รายได้ที่ได้รับนำไปฝากบัญชีออมทรัพย์ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง มีความรับผิดชอบในการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ รู้จักอดทนต่อการทำงาน

นายหารศึก ภาระหันต์ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ รร. บ้านห้วยหัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 กล่าวว่า เรามองว่าการศึกษา คือ การลงทุน ทำให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน จะต้องลงทุนในการพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงถึง ความขยัน การประหยัด ความซื่อสัตย์ ความมีวินัย ความสุภาพ ความสะอาด ความสามัคคี ความมีน้ำใจ แต่สิ่งที่ไม่ต้องลงทุน คือ ทุนในการเปิดร้านกาแฟเด็กน้อย ซึ่งซีพีเอฟเป็นผู้ลงทุนให้ ซึ่งโรงเรียนคาดหวังว่าโครงการกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน จะเป็นธุรกิจเล็กๆ ในโรงเรียนที่จะส่งเสริมให้นักเรียนมีทางเลือก และมีเป้าหมายหลังจากที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้แล้ว สามารถนำประสบการณ์ไปต่อยอด หรือเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น หรือหากไม่ได้ศีกษาต่อก็สามารถนำไปประกอบอาชีพ เป็นรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ต้องขอขอบคุณ ซีพีเอฟและSchool Partner (SP) ของซีพีเอฟ ช่วยประสานงาน ให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษา ทำงานร่วมกัน

“นอกจากโครงการฯ จะเป็นการปูทางอาชีพให้กับเด็กๆ สามารถนำไปใช้ในอนาคตแล้ว โรงเรียนมีการสั่งภาชนะไม้ไผ่จากชาวบ้าน เป็นการสร้างรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ประเมินความต้องการใช้ภาชนะไม้ไผ่ คาดว่าจะต้องใช้ประมาณ 200 กระบอกต่อเดือน เป็นการช่วยอุดหนุนและสร้างรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่ได้ด้วย ” นายหารศึก กล่าว

“โครงการร้านกาแฟเด็กน้อย สู่อาชีพยั่งยืน” เป็นโครงการสร้างอาชีพที่ซีพีเอฟให้การสนับสนุนโรงเรียนบ้านห้วยหัน ภายใต้การขับเคลื่อนการทำงานของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กซ์ อีดี (CONNEXT ED) ซึ่งมีทั้งโครงการที่ส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ด้านวิชาการ ด้านอาชีพ การทำเกษตรอินทรีย์รักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น โดยปัจจุบัน มีโรงเรียนภายใต้การดูแลของซีพีเอฟ 301 โรงเรียน ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสระบุรี ผ่านการดำเนินงานของ School Partner ของซีพีเอฟ 65 คน ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ 5 ด้านหลัก คือ 1. การเปิดเผยข้อมูลโรงเรียนสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส 2. กลไกตลาดและวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม 3. การพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน 4. เด็กเป็นศูนย์กลาง เสริมสร้างคุณธรรมและความมั่นใจ 5. การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสถานศึกษา ด้วยความเชื่อมั่นว่า การศึกษาเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน สามารถสร้างและพัฒนาความรู้ ความสามารถ นวัตกรรม ความคิด ตลอดจนพฤติกรรมของเด็กไทยให้เป็นทั้ง “เด็กดีและเด็กเก่ง”.