นายกฯ สั่งปรับระบบคัดแยกผู้ป่วย ให้เร่งนำกลุ่ม 608 เข้ารักษาทันทีลดเสี่ยงเสียชีวิต โควิดวันนี้ทำนิวไฮ อีกด้านเตรียมสำรองยารับสงกรานต์

by ThaiQuote, 1 เมษายน 2565

นายกฯสั่งปรับระบบการคัดแยกผู้ป่วยโควิด-19 หากเป็นกลุ่ม 608 ให้ประสานส่งตัวไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลโดยพลัน ไม่ต้องรอรักษาตามอาการ เพื่อลดการสูญเสีย วันนี้เป็นวันแรกของการยกเลิก RT-PCR แต่ผู้ติดเชื้อทำนิวไฮทั้งป่วยทั้งตาย ทางด้านองค์การเภสัชกรรมสำรองยารับสงกรานต์

  

วันนี้ (1 เมษายน 65) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ฝ่ายปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดปรับระบบการคัดแยกผู้ป่วยโควิด-19 หากพบว่า เป็นกลุ่ม 608 กล่าวคือ ผู้สูงอายุเกินหกสิบปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และเด็กเล็ก ให้ดำเนินการประสานเพื่อส่งตัวไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลโดยพลัน ไม่ต้องรอรักษาตามอาการ เพื่อลดการสูญเสีย

ขณะนี้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)สปสช. อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อปรับเข้าสู่การคัดแยกตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยโควิด-19และเสียชีวิต โดยมากเป็นผู้ป่วยกลุ่ม 608 อย่างตัวเลขวันนี้ ผู้เสียชีวิต 92 ราย เป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และเด็กเล็ก รวม 86 ราย คิดเป็น 93%

โควิดวันนี้ นิวไฮ ดับพุ่ง92ศพ ป่วยใหม่ทะลุ2.8หมื่น ATK กว่า2.2หมื่น
วันที่ 1 เม.ย.2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 28,379 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 28,317 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 62 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,433,291 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) นอกจากนี้วันนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อเข้าข่าย ATK 22,331 ราย

สำหรับยอดหายป่วยกลับบ้าน 23,843 ราย หายป่วยสะสม 1,211,796 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) เสียชีวิตเพิ่ม 92 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 251,214 ราย

ส่วนจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,828 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 24 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 29.4 สำหรับยอดติดเชื้อเข้าข่าย ATK จำนวน 22,331 ราย และผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ 712 ราย

ขณะที่รายงานภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 สรุปจำนวนผู้ที่ได้รับได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 ก.พ.2564 -31 มี.ค. 2565 (18.17 น.) รวม 129,782,808 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 สะสม 55,587,780 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 สะสม 50,323,916 โดส ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 สะสม 21,691,865 โดส และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 สะสม 2,179,247 โดส

ทางด้านองค์การเภสัชกรรม ได้เตรียมส่งยาฟาวิพิราเวียร์ เพิ่มเติม อีก 110 ล้านเม็ด และจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ และโมลนูพิราเวียร์ เข้ามาไทยอีก 75 ล้านเม็ด รองรับในช่วงสงกรานต์ โดยต่อวันไทยใช้ยาต้านไวรัสโควิด อยู่ที่ 2 ล้านเม็ด ประมาณ 14-15 ล้านเม็ดต่อสัปดาห์ หรือบางสัปดาห์ใช้ 15-20 ล้านเม็ด ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอ

 

เริ่มแล้ววันนี้ ยกเลิก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ 72 ชม. นายกฯกำชับ การ์ดอย่าตก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากมติศบค. ล่าสุด ได้มีการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประเภท Test & Go, Sandbox และ Alternative Quarantine นั้น ให้ยกเลิกการตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศทั้ง 3 กลุ่ม ลดระยะเวลาของการเดินทางเข้าไทยในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ เหลือ 5 วัน พร้อมปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงประเทศไทยและระหว่างอยู่ในประเทศ

กรณี Test & Go, แซนด์บ็อกซ์ ต้องได้รับการตรวจ RT-PCR ในวันแรกเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย จากนั้นทำการตรวจ Self-ATK อีกครั้งในวันที่ 5 ในกรณี Quarantine ต้องตรวจ RT-PCR ในวันแรก และตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4-5 ก่อนออกจากสถานที่กักตัว รวมทั้งการปรับลดการกักตัวเหลือ 5 วัน จากเดิม 7 วัน สำหรับนักเดินทางที่มาแบบแซนด์บ็อกซ์ และ Quarantine เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่มีความเข้มงวด ตามแนวทาง Covid Free Setting พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ดูแลตนเองขั้นสูงสุด อย่าการ์ดตก ปฏิบัติตัวเองตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะควบคุม ป้องกัน และชะลอการระบาดของโรคได้

การผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่รัดกุมขั้นสูงสุด

ด้านนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด ผ่านเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" โดยระบุว่า ประเทศสิงคโปร์มีประชากร 5.68 ล้านคน มีคนติดเชื้อไวรัสโควิดแล้ว 1.09 ล้านคน เสียชีวิต 1,263 คน อัตราตายจากโรคโควิด-19 ของประเทศสิงคโปร์ต่ำกว่าฮ่องกงและประเทศไทยมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ

1. คนสิงคโปร์ทั้งประเทศ 95% ได้รับวัคซีนครบโดส สำหรับคนอายุ 80 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 94 % และคนสิงคโปร์ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากถึง 71%

2. วัคซีนที่ให้คนสิงคโปร์มากกว่า 90% เป็นวัคซีนชนิด mRNA ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ส่วนน้อยเป็นวัคซีนเชื้อตาย

ประเทศสิงคโปร์กำลังจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่จำเป็นต้องถูกกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป

ประเทศไทยต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งฉีดเข็มกระตุ้นให้มากที่สุด วิธีเดียวที่จะเปิดประเทศให้เร็วที่สุด คือการฉีดวัคซีน และต้องฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง คือวัคซีนชนิด mRNA เหมือนประเทศสิงคโปร์.