XCMG เปิดตัวรถตักล้อยางไฟฟ้าคันแรกของไทย มาพร้อมจุดเด่นขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100 % และแผนการลดมลพิษตลอดห่วงโซ่การผลิต

by ThaiQuote, 6 พฤษภาคม 2565

XCMG เปิดตัวรถตักล้อยางไฟฟ้าคันแรกของไทย รุ่น XC958-EV มาพร้อมจุดเด่นขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100 % ให้กำลังมากกว่ารุ่นปกติ 60 % และประหยัดค่าใช้จ่ายลงกว่าปีละหลักล้านบาท และตั้งเป้าภายในปี 2591 ส่งเสริมการลดการปล่อยมลพิษขององค์กรต้นน้ำและปลายน้ำทั่วทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม

 

“บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด” เปิดตัวรถตักล้อยางไฟฟ้าคันแรกในไทย รุ่น XC958-EV นวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะด้วยระบบมอเตอร์อัจฉริยะไร้เกียร์ ชูจุดเด่นขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100 % ขุมพลัง 270 กิโลวัตต์ ให้กำลังมากกว่ารุ่นปกติ 60 % ชาร์จไฟ 1 ครั้งทำงาน 8-10 ชั่วโมง ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย สร้างกำไรอย่างมหาศาล พร้อมด้วยประกันคุณภาพยาวนาน 5 ปีหรือ 10,000 ชั่วโมง

บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายรถตักล้อยางไฟฟ้า แบรนด์ XCMG รายเดียวในประเทศไทยร่วมกับ XCMG ( Xuzhou Construction Machinery Group ) ผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนักอันดับ 1 ของจีน และอันดับ 3 ของโลก ประเดิมปีเสือ 2565 ด้วยการเปิดตัว รถตักล้อยางไฟฟ้า 100% คันแรกในประเทศไทย รุ่น XC958-EV นับเป็นก้าวย่างสำคัญในการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมเครื่องจักรหนักของประเทศไทย และถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของ บริษัท โอ.ซี.อาร์ จำกัด ที่ต้องการเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก ที่แต่เดิมจะใช้รถตักน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ ค่าน้ำมันเฉลี่ยรวมต่อปีหลักล้าน สำหรับรถตักล้อยางพลังงานไฟฟ้า อัตราค่าบำรุงรักษานั้นน้อยลง ชิ้นส่วนอะไหล่มีน้อยชิ้นเมื่อเทียบกับรถตักน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สำคัญใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ต้องเติมน้ำมัน ทำให้ช่วยตอบโจทย์ด้านต้นทุน การบำรุงรักษา ลดระยะเวลาจุดคุ้มทุน และเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างคุ้มค่า โดยรถตักล้อยางไฟฟ้ารุ่น XC958-EV นั้นมีจุดเด่นครบครันมากมาย ทั้งในด้าน

 

 

1. มีนวัตกรรมล้ำสมัย กับการใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อน 100 % พร้อมนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัจฉริยะแบบ 2 มอเตอร์ส่งกำลังไปยังเพลาหน้าและเพลาหลังอย่างสมดุล โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะไม่ต้องใช้เกียร์ เช่นเดียวกับการทำงานรถตักผ่านระบบไฮดรอลิกที่ใช้มอเตอร์ตัวที่ 3 ในการส่งกำลัง ทำให้ช่วยเพิ่มอัตราเร่งได้ทันทีโดยไม่ต้องรอรอบ พร้อมลดการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน ส่วนความดังเสียงในห้องโดยสายก็เงียบกว่ารุ่นปกติที่ใช้น้ำมัน
2. สามารถทำงานต่อเนื่องได้ยาวถึง 8-10 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟเพียง 1 ครั้ง ขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 282 kW เมื่อทำการชาร์จไฟแบบ Fast charging จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็เต็มขนาดความจุ และยังสามารถชาร์จได้ทั้งแบบ 1 และ 2 พอร์ต
3. มีประสิทธิภาพสูง ในด้านความรวดเร็วของการทำงาน และการออกตัวที่ทรงพลังและเหนือกว่ารถพลังงานน้ำมัน โดยรถตักล้อยางพลังงานไฟฟ้ารุ่น XC958-EV มีแรงกดที่บุ้งกี๋ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่ใช้น้ำมันพบว่าแรงกว่า 12 % ที่สำคัญระยะเวลาในการยกบูมยังทำงานได้รวดเร็วกว่ารุ่นปกติ ขณะที่พละกำลัง 270 กิโลวัตต์ ให้กำลังเต็มประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นปกติที่ใช้น้ำมันถึง 60 %
4. มีพลังงานสะอาด เนื่องด้วยใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100 % ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไร้สารปนเปื้อน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
5. ลดค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ประกอบการสูงถึงปีละ 1 ล้านบาท โดยการคำนวณเบื้องต้น เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ค่าบำรุงรักษารถตักไฟฟ้าในระยะการใช้งาน 3000 ชั่วโมงต่อปี และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน) โดยรถตักไฟฟ้าจะประหยัดกว่ารถตักน้ำมันคิดเป็นเงินเกือบ 1.5 ล้านบาทต่อ 3000 ชั่วโมง หรือต่อ 1 ปี คำนวนจากการใช้งานรถตักน้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดิมขนาด 5 ตันในเวลา 1 ชั่วโมง จะใช้ต้องน้ำมันเฉลี่ย 15 ลิตร หากน้ำมันลิตรละ 30 บาท ต้องใช้ค่าน้ำมันถึง 450 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับรถตักไฟฟ้ารุ่น XC958-EV ของ XCMG ใช้ไฟฟ้าเพียง 36 หน่วย หากคำนวณที่หน่วยละ 4 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่าย 144 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งลดลงไปถึง 3 เท่าตัว
6. สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการรับประกันคุณภาพสินค้า 3 ชิ้นหลักของระบบไฟฟ้าอย่าง แบตเตอรี่ มอเตอร์ และกล่องควบคุม ยาวนาน 5 ปีหรือ 10,000 ชั่วโมง

PoA ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถตักล้อยางไฟฟ้า แบรนด์ XCMG ยังระบุเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวของ XCMG ในการบรรลุเป้าหมาย "คาร์บอนคู่" ซึ่ง ภายในปี 2578 พลังงานที่เกิดจากพลังงานหมุนเวียนจะคิดเป็น 50% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของ XCMG การรุกผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์พลังงานใหม่จะ เติบโตเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งรวมถึงรถขุดและเครน จะลดลง 32 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2563

“แผนปฏิบัติการสำหรับเป้าหมาย 'คาร์บอนคู่' มีเป้าหมายเพื่อสร้างแนวทางที่สม่ำเสมอและแม่นยำในแง่ของกลยุทธ์ที่จะช่วย XCMG สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยโซลูชันเครื่องจักรก่อสร้างอัจฉริยะที่มีคาร์บอนต่ำซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ผ่านเทคโนโลยี การผลิต การบริการ และการจัดการการดำเนินงาน และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน” หวาง หมิน ประธานและซีอีโอของ XCMG กล่าว

PoA ได้อธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของ XCMG ในการมุ่งสู่เป้าหมายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ และได้ดำเนินการอย่างแข็งขันในการสำรวจเทคโนโลยีทางวิศวกรรมด้วยความหวังที่จะสร้างมูลค่าคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์สำหรับการก่อสร้างทั่วโลก:

• เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์พลังงานคาร์บอนต่ำใหม่ : XCMG ได้พัฒนาเทคโนโลยีหลักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานมากกว่า 50 รายการ สร้างกลุ่มการผลิตที่ใช้พลังงานใหม่และผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ตลอดจนสถานการณ์การใช้งานอัจฉริยะไร้คนขับนำร่อง
• การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาด : XCMG มีบริษัทสาธิตโรงงานสีเขียว 3 แห่งที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และบริษัทสาธิตซัพพลายเชนสีเขียว 1 แห่ง XCMG Hosting Machinery เป็นบริษัทแรกของอุตสาหกรรมที่ผ่านการรับรองระดับ 4 ของ ความสามารถในการผลิตที่ชาญฉลาด XCMG ยังเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว : ยังคงส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การลดการปล่อยก๊าซ การรีไซเคิล การจัดการสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำตลอดห่วงโซ่อุปทาน ให้ความสำคัญกับอายุผลิตภัณฑ์ การใช้พลังงาน สารอันตราย และการจัดการการละทิ้งมากขึ้น XCMG ได้รีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการในช่วงสองปีที่ผ่านมา
• การลดการใช้พลังงานและการปล่อยมลพิษ : XCMG ได้สร้างระบบการจัดการพลังงานครบวงจรที่ชาญฉลาด ในปี 2563 การใช้พลังงานของบริษัทต่อมูลค่าผลผลิต 10,000 หยวนลดลง 29.3% เมื่อเทียบกับข้อมูลในปี 2558 การก่อสร้างศูนย์รวบรวมและบำบัดควันและฝุ่นแบบรวมศูนย์ครอบคลุมพื้นที่เชื่อมทั้งหมด และบริษัทได้ลงทุน กว่า 47.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเสริมกำลังการปล่อยสารอินทรีย์ที่ระเหยง่าย (VOC) ในกระบวนการเคลือบสีในช่วงสามปีที่ผ่านมา

ในระยะสั้น XCMG ตั้งเป้าที่จะลดการใช้พลังงานอย่างครอบคลุมต่อหน่วยลง 15 เปอร์เซ็นต์ และปล่อยคาร์บอนลง 26 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2563 ภายในปี 2570 XCMG ตั้งเป้าที่จะลดการใช้พลังงานโดยรวมต่อหน่วย 18 เปอร์เซ็นต์และการปล่อยคาร์บอนต่อหน่วยผลผลิต 31 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2563 การใช้พลังงานโดยรวมที่ชาญฉลาด XCMG คาดว่าจะมุ่งเน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเจ็ดเท่าและการเจาะตลาดของผลิตภัณฑ์พลังงานใหม่จะสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์.

ในระยะยาว XCMG มุ่งมั่นที่จะเป็นกลางทางคาร์บอนภายในขอบเขตการดำเนินงานภายในปี 2591 ส่งเสริมการลดการปล่อยมลพิษขององค์กรต้นน้ำและปลายน้ำทั่วทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม และสร้างระบบพลังงานสีเขียวที่มีคาร์บอนต่ำ สะอาด ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพด้วยการใช้พลังงานขั้นสูงระดับสากล ประสิทธิภาพ.