การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ผู้คนแสดงอารมณ์โกรธมากขึ้นบนโลกออนไลน์ จากการวิจัยพบว่า คำพูดแสดงความเกลียดชังเพิ่มขึ้นในโซเชียลมีเดียเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 30°C (86F)

ความคิดเห็นแสดงความเกลียดชังพุ่งสูงขึ้นในโซเชียลมีเดียเมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส (86 ฟาเรนไฮต์) นักวิจัย จากสถาบัน Potsdam Institute for Climate Impact Research กล่าวหลังจากผลการศึกษาแสดงออกมา

Annika Stechemesser ผู้เขียนนำการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน The Lancet Planetary Healthกล่าวว่า "มันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าผู้คนสามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิที่สูง ได้ดีเพียงใด “หากอุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินไป เราพบว่าคำพูดแสดงความเกลียดชังทางออนไลน์มีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสังคม ศาสนา หรือความเชื่อทางการเมืองก็ตาม”

ภาวะโลกร้อนโดยเฉลี่ยประมาณ 1.1°C นับตั้งแต่ช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วทั่วโลก ฤดูร้อนนี้ ความแห้งแล้งและคลื่นความร้อนกระทบยุโรป จีน และสหรัฐอเมริกา สำหรับมนุษย์ความร้อนเกี่ยวข้องกับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจิตเวช อัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น และความรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น รายงานการวิจัยระบุ

นอกจากนี้พฤติกรรมก้าวร้าวทางออนไลน์ก็เชื่อมโยงกับความรุนแรงออฟไลน์ด้วยเช่นกัน โพสต์ที่แสดงความไม่พอใจได้นำไปสู่ความรุนแรงที่มากขึ้นต่อชนกลุ่มน้อย รวมถึงการยิงมวลชน การลงประชามติ และการกวาดล้างชาติพันธุ์ ตามรายงานของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งเป็นคลังความคิดในนิวยอร์ก

Stechemesser และนักวิจัยคนอื่นๆ วิเคราะห์ตัวอย่างทวีต 4 พันล้านรายการระหว่างปี 2014 ถึง 2020 จากผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา พวกเขาใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุข้อความแสดงความเกลียดชังในภาษาอังกฤษประมาณ 75 ล้านข้อความ โดยใช้ คำจำกัดความของความเกลียดชังทางออนไลน์ของ สหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ความเกลียดชังผู้หญิง และหวั่นเกรง จากนั้นพวกเขาวิเคราะห์ว่าจำนวนทวีตเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่ออุณหภูมิในพื้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง

นักวิจัยพบว่าวาจาสร้างความเกลียดชังทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงสุดในแต่ละวันสูงขึ้นมากกว่า 21°C (70F) ซึ่งระดับอุณหภูมิดังกล่าวถือเป็นจุดที่ “รู้สึกดี” ข้อความแสดงความเกลียดชังเพิ่มขึ้นมากถึง 22% ในวันที่อากาศร้อน เมื่อเทียบกับความเกลียดชังออนไลน์โดยเฉลี่ยในช่วงเวลาที่อากาศไม่เอื้ออำนวย ในทุกเขตภูมิอากาศและกลุ่มเศรษฐกิจและสังคมในสหรัฐอเมริกา ความตึงเครียดทางออนไลน์ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่ออุณหภูมิเกิน 30ºC นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าวาจาสร้างความเกลียดชังทางออนไลน์เพิ่มขึ้นมากถึง 24% จากจุดที่รู้สึกดี เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 42ºC ถึง 45ºC ในภูมิภาคสหรัฐอเมริกาที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้ง เช่น บางส่วนของเท็กซัส แอริโซนา นิวเม็กซิโก และแคลิฟอร์เนีย ปีที่แล้วการศึกษาโดยนักวิจัยกลุ่มเดียวกันซึ่งมุ่งเน้นไปที่ยุโรปได้ข้อสรุปที่คล้ายคลึงกัน

“เมื่อพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มันเป็นจุดที่ต้องจำไว้ว่าเรารู้สึกถึงผลกระทบทุกที่ ไม่ใช่แค่ในสถานที่ที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่” Stechemesser กล่าว “มีสถานที่ต่างๆ ที่ผลกระทบทางสังคมของความร้อนไม่ได้รับการกล่าวถึงอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถอยู่ร่วมกันในฐานะสังคมและจัดการกับความเป็นอยู่ที่ดีของเราในอนาคต”

นักวิจัยวิเคราะห์ทวีตโดยรวมและไม่ได้พิจารณาเหตุการณ์เฉพาะเจาะจง นั่นหมายความว่าไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสภาพอากาศทำให้ความตึงเครียดในโลกออนไลน์แย่ลงหลังจากการสังหารจอร์จ ฟลอยด์ในเดือนพฤษภาคม 2020 เป็นต้น หรือนำไปสู่การ โจมตี อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม 2564 กระนั้น ก็ยังสรุปได้บางส่วน ก่อนกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

Stechemesser กล่าวว่า "ผลลัพธ์ของเราแสดงให้เห็นว่าหากเดือนกันยายนมีอากาศร้อนเป็นพิเศษ เราอาจจะได้เห็นความเกลียดชังมากขึ้นบน Twitter" Stechemesser กล่าว “แต่การวิจัยไม่ได้แสดงให้เห็นว่าความเกลียดชังเป็นอย่างไรหรือในหัวข้อใด – เรายังไม่ทราบว่าความเกลียดชังที่เราสังเกตเห็นนั้นเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่”

ความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างความร้อนและความเกลียดชังออนไลน์ได้รับการบันทึกไว้ในประเทศจีนเช่นกัน โดยนักวิจัยวิเคราะห์มากกว่า 400 ล้านทวีตจากตัวอย่างผู้ใช้ 43 ล้านคนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มไมโครบล็อกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ - Sina Weibo พวกเขาสรุปว่าวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35°C ฝน ความเร็วลมที่สูงขึ้น ท้องฟ้าครึ้ม และมลพิษทางอากาศ ล้วนทำให้ผู้คนไม่พอใจในโลกออนไลน์

“แน่นอนว่าผู้คนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติว่าพวกเขาต้องการเป็นคนดีหรือไม่ แต่เรายังคงพบว่าคุณจะมีพฤติกรรมแสดงความเกลียดชังมากขึ้น หากคุณพบว่าตัวเองอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่กำหนด” Stechemesser กล่าว “สิ่งแรกที่ต้องทำคือจำกัดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นแนวทางที่ชัดเจนที่สุดในการแก้ปัญหานี้”.

เขียนโดย Laura Millan Lombrana, Bloomberg

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

รถยนต์ไร้คนขับที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI ทันสมัยที่สุด ณ ขณะนี้
https://www.thaiquote.org/content/248164

Ai9 ผู้พัฒนา ‘แพลตฟอร์ม AI’ ถอดเสียง-วิเคราะห์ข้อความ ครบจบในขั้นตอนเดียว
https://www.thaiquote.org/content/248163

ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น กำลังคุกคามสนามบินของโลก มีจำนวนสนามบิน 224 แห่งทั่วโลกอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลไม่ถึง 3 เมตร
https://www.thaiquote.org/content/247652