บีเจซี เดินหน้าปั้นร้าน “โดนใจ” โมเดลค้าปลีกใหม่ ตั้งเป้า 2570 มีร้านค้ารวม 30,000 ร้านทั่วประเทศ

by วันทนา อรรถสถาวร , 16 ธันวาคม 2565

บีเจซี เดินหน้าปั้น โมเดลธุรกิจร้าน “โดนใจ” พัฒนาระบบ POS จัดการร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยเสริมแกร่งติดอาวุธให้ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยได้เติบโตอย่างยั่งยืน ในปีหน้าที่มีแผนเปิดร้านโดนใจถึง 8,000 ร้านค้า และจะเติบโตสู่หลัก 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570 ครอบคลุมรายได้กว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี

 

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กล่าวว่า เมื่อปี 2564 ทางบีเจซี ได้เปิดบริษัทในเครือภายใต้ชื่อ บริษัท มีโชค 168 จำกัด เพื่อมาดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงกับกิจการโชห่วยในท้องถิ่น ภายใต้ชื่อร้าน “โดนใจ” ด้วยหวังที่จะเข้าไปช่วยให้ร้านค้าเหล่านั้นเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวได้

  

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี

 

จุดเด่นของร้านเครือข่าย “โดนใจ” คือการมีรูปแบบการบริหาร จัดการที่ทันสมัย ตลอดจนมีระบบข้อมูลที่ช่วยพัฒนาการขายแบบยั่งยืน โดยเริ่มมีการทำโครงการแบบ “ซอฟต์ ล้อนช์” ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยที่เข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายร้านโดนใจแล้วประมาณ 1,000 ราย หลังจากนี้ จะมีการเดินหน้า พร้อมเปิดตัวพันธมิตรทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทเจ้าของสินค้าที่จะมีการเปิดตัวพันธมิตรอย่างเป็นทางการงต้นปี 2566 นี้

ส่วนเป้าหมายในปี 2566 นั้น ต้องการดึงร้านโชห่วยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายร้านโดนใจ ประมาณ 8,000 ร้านค้า ส่วนเป้าหมายระยะยาว มองถึงการมีเครือข่ายร้านโดนใจทั่วประเทศ 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570 สร้างรายได้กว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี จากร้านค้าโชห่วยทั่วประเทศที่มีตัวเลขอยู่ราวกว่า 400,000 ร้านค้า โดยร้านค้าโชห่วยที่เหมาะสมกับการปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านโดนใจก็คือ ร้านค้าปลีกในชุมชนขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง ไม่รวมถึงร้านค้าส่งที่ขายสินค้ายกลังให้กับร้านค้าด้วยกัน

รูปแบบการทำธุรกิจของร้าน “โดนใจ” จะมี 4 ขนาดคือ ไซต์ SS รายได้ประมาณวันละ 4,500 บาท, ไซต์ S รายได้ประมาณวันละ 7,400 บาท , ไซต์ M รายได้ประมาณวันละ 10,000 บาท และไซต์ L รายได้ประมาณวันละ 9,000-15,000 บาท

ตลอด 1 ปีที่เริ่มเปิดพัฒนาร้าน “โดนใจ” ผลการดำเนินงานมีร้านค้าไซต์ SS จำนวน 356 สาขา ไซต์ S 420 สาขา ไซต์ M 182 สาขา และไซต์ L 42 สาขา กระจายตัวสูงสุดอยู่ที่ภาคอีสาน ภาคใต้ กรุงเทพฯปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตกตามลำดับ

นางฐาปณี กล่าวอีกว่า แม้จะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งที่เป็นค้าปลีก-ค้าส่งรวมถึงซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้า เข้ามาทำโมเดลเครือข่ายร้านโชห่วยหลายราย แต่ในมุมมองของตัวเอง กลับมองว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเป็นการเข้ามาช่วยกันพัฒนาให้ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น และจะนำไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

“เรามองว่า ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย เป็นอีก 1 ฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับ รากหญ้า โดยผู้ประกอบการเหล่านั้น มีจุดอ่อนในเรื่องของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการบริหารสต็อกสินค้าที่ถือเป็นต้นทุนสำคัญ ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จำนวนร้านค้าโชห่วยทั่วประเทศ ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก คือราวกว่า 500,000 ราย เพราะแม้จะมีหลายรายที่เข้ามาทำธุรกิจ แต่ก็มีไม่น้อยที่ต้องเลิกไป บีเจซี มองเห็นปัญหาดังกล่าว จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนกลางในการช่วยพัฒนาร้านค้าเหล่านั้นให้มีระบบการบริหารจัดการที่ดี ตลอดจนองค์ความรู้ในการบริหารร้านค้าปลีกสมัยใหม่ โดยทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาทเพื่อพัฒนาระบบ POS ขึ้นมาช่วยร้านค้าเหล่านั้น พร้อมกับการมีทีมงานเข้าไปช่วยพัฒนาและเพิ่มทักษะในการทำธุรกิจค้าปลีกให้กับผู้ประกอบการเหล่านั้น”

  

 

นางฐาปณี เสริมว่า เครือข่ายร้านโดนใจมีจุดเด่นตรงที่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยสามารถเลือกการลงทุน และเลือกสินค้า ที่จำหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไรกับใคร ด้วยงบลงทุนไม่สูงนัก โดยแบ่งรูปแบบของร้านออกเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรก บีเจซีที่จะใช้เครือข่ายของบิ๊กซีกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เป็นคนจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน พร้อมจัดส่งให้ถึงหน้าร้าน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการสั่งซื้อสินค้าเข้าร้านให้กับร้านค้า

รูปแบบที่สอง จะออกมาในลักษณะของการนำระบบ POS ที่พัฒนาขึ้นให้เหมาะสมและตอบโจทย์กับการทำธุรกิจของร้านโชห่วย อีกทั้งยังใช้งานง่าย บีเจซีจะเข้าไปปรับปรุงร้านค้าให้มีรูปแบบที่ทันสมัย และดึงดูดลูกค้ามากขึ้น โดยที่เจ้าของร้านค้าโชห่วยสามารถเลือกขอบเขตการปรับปรุงหรือตกแต่งร้านค้าได้เองตามงบที่ตัวเองเห็นสมควร ทั้งนี้จะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นค่าบริหารระบบประมาณ 4,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ จะถูกคืนกลับไปให้ร้านค้าในกรณีที่มีการสั่งซื้อสินค้าตามเป้าที่กำหนดให้

รูปแบบการลงทุนแบ่งออกเป็น “โดนใจ”ลงทุน 55% โชห่วยจ่ายค่ามัดจำ 45% (เงินก้อนนี้จะได้รับคืนภายหลัง) ซึ่งทางบริษัทได้ประสานกับเครือข่ายสถาบันทางการเงิน เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน คอยสนับสนุนเรื่องการเงิน

ส่วนการกระจายสินค้าเข้าร้านโดนใจนั้นจะใช้เครือข่ายสาขาของบิ๊กซีที่มีสาขาขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 200 สาขา ซึ่งจะเข้ามาช่วยเป็นเครือข่ายในเรื่องของการจัดการสินค้าเข้าร้าน ทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่มีปัญหาในเรื่องของการจัดการเกี่ยวกับสินค้าที่จะนำมาวางขายในร้าน โดยระบบ POS ที่พัฒนาขึ้นนี้ จะทำให้รู้ข้อมูลอย่างชัดเจนว่า สินค้าตัวไหนขายดี หรือสินค้าประเภทใดเป็นที่ต้องการของแต่ละชุมชน ทำให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังสามารถช่วยลดต้นทุนและแก้ปัญหาการบริหารจัดการสต็อกที่เป็นต้นทุนหลักที่ร้าน โชห่วยต้องแบกรับมาตลอด

“ร้านโดนใจ เกิดขึ้นบนความตั้งใจของเราที่ต้องการจะเข้ามาช่วยพัฒนาร้านโชห่วยให้มีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งในท้ายที่สุดจะส่งผลต่อการเติบโตแบบยั่งยืนทั้งระบบ ที่ไม่เพียงแค่ธุรกิจในเครือของบีเจซีอย่างบิ๊กซีที่มีลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าโชห่วยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย และซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าที่เข้ามาร่วมอยู่ในอีโคซิสเท็มของโดนใจ ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน นอกจากในเมืองไทยแล้ว เรายังมองถึงการพัฒนาโครงการ ร้านโดนใจในเวียดนามด้วยการใช้ต้นแบบจากประเทศไทยไปพัฒนาต่อยอดที่นั่น ซึ่งจะเป็นอีกการเปิดโอกาสให้กับสินค้าไทยให้สามารถขยายโอกาสในการขายสินค้าไปสู่คนเวียดนามได้อีกด้วย” นางฐาปณี กล่าวสรุป.

 ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

WP วางยุทธศาสตร์ปี 66 สุดแกร่ง! ทุ่มงบเฉียด 1 พันลบ.ต่อยอดธุรกิจพลังงาน ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 17,000 ลบ.
https://www.thaiquote.org/content/249016

ยอดขายบ้านในสิงคโปร์ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปีจากปัญหาอุปทานล้นตลาด
https://www.thaiquote.org/content/249017

ทำให้แผงโซลาร์รูฟท็อปมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย AI
https://www.thaiquote.org/content/249015