5บิ๊กธุรกิจมูลค่า1ล้านล้านบาท จัดมหกรรมเชื่อมโลกยั่งยืน

by ThaiQuote, 13 กันยายน 2566

5 บิ๊กธุรกิจมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1ล้านล้านบาท ผนึกพลังจัดมหกรรมด้านความยั่งยืนใหญ่ที่สุดในอาเซียน (SX 2023) เชื่อมโยงธุรกิจแกนกลางขับเคลื่อนสู่ผู้บริโภค สร้างต้นแบบโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ถึงยุดต้องลงมือทำเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อโลก ปรับเปลี่ยนธุรกิจ คืนสมดุลสู่สังคม และสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการพัฒนายั่งยืนโลก (SDGs)

 

การขับเคลื่อนสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านความยั่งยืน เป็นเทรนด์ที่ทุกคนบนโลกต้องร่วมมือกัน ลดอุณหภูมิโลกร้อนจนถึงระดับเดือด โดยเกิดการขับเคลื่อน ตั้งแต่ องค์การสหประชาชาติ (UN) และการประชุมที่ World Economic Forum และนี่คือการขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจ ที่ต้องเริ่มเป็นผู้นำในประเทศเพื่อทำให้คนตระหนัก สิ่งที่โลกกำลังเผชิญ

งาน Sustainability Expo 2023 หรือ (SX2023) ที่จัดขึ้นเป็นครึ้งที่ 4 เพื่อนำไปสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนของโลก จึงเป็นการรวมตัวกันจัดงานกับ 5 พันธมิตรธุรกิจซึ่งมูลค่าธุรกิจรวมกว่า 1ล้านล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, เอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) คีย์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จึงร่วมมือกันจัดงานเพื่อสร้างการตระหนักรู้ให้คนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากเข้าใจไปสู่การลงมือทำเพื่อร่วมกันฟื้นฟูโลก เพื่อสังคม ธุรกิจได้ขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืน

ต้องใจ ชนะชานันท์ ผู้อำนวยการจัดงาน SX2023 กล่าวถึงการรวมตัวของภาคธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศ ร่วมมือกันจัดงานสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับพฤติกรรมว่า การจัดงาน SX2023 ในครั้งนี้ มี 5 พันธมิตร กลุ่มธุรกิจที่ล้วนเป็นผู้นำในด้านยั่งยืนในองค์กร ได้รับการจัดอันดับ ในดัชนีด้านความยั่งยืน (Down Jones Sustainability Index -DJSI) จึงถือว่าเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของภาคธุรกิจที่เป็นผู้นำในการขับเคลื่อน โดยหารือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวมไปถึงภาคประชาสังคม จนถึงระดับผู้บริโภค เกี่ยวกับการสร้างกลไกการเปลี่ยนแปลง ไปสู่ทุกระดับ

ทั้งนี้ เพราะความยั่งยืนในปัจจุบันถือเป็นเรื่องของทุกคน ปัญหาควาเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) ที่เกิดขึ้นระดับโลก แต่ส่งผลกับมนุษย์ทุกคนบนโลก จึงถึงเวลาที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ภาคธุรกิจก็ต้องร่วมมือกันในการทำธุรกิจที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบในระยะยาวธุรกิจก็ไม่สอดคล้องกับวิถีที่โลกต้องการ
“ กลุ่มธุรกิจทั้ง 5 พันธมิตรที่ทำด้านความยั่งยืนมายาวนาน ตั้งแต่แต่ปี 2020 ทุกบริษัทล้วนได้รับDJSI สูงสุด จึงถือว่าเป็นผู้นำ ได้ผ่านการปรับเปลี่ยนในอุตสาหกรรม ที่ดำเนินการในองค์กรอยู่แล้ว ทั้ง ในโอเปอร์เรชั่น(ไลน์การผลิต) จึงมีประสบการณ์ได้รับการยอมรับ นับได้ว่าเป็นการรวมกลุ่มของผู้นำในภาคธุรกิจด้านความยั่งยืน เพื่อหารือกับภาครัฐ กับผู้บริโภค ให้ลุกขึ้นมาทำเรื่องเหล่านี้เพื่อโลกที่ยั่งยืน”


เปิดทศวรรษ ปลุกผู้บริโภคปรับพฤติกรรมทำเพื่อโลก

การจัดงาน SX 2023 เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลางในการดำเนินการเพื่อความยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค ที่วางเป้าหมายให้มีคนเข้าร่วมงาน 3.2 แสนคน ซึ่งเป็นเวทีที่ผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจในการสร้างความร่วมมือเพื่อความยั่งยืน โดยการจัดงานนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเป้าหมายเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงทุกภาคส่วน มาร่วมกันสร้างศตวรรษแห่งการลงมือทำ (Decade of Action) หลังจากสร้างความรู้และความเข้าใจมาแล้วในการจัดงานที่ผ่านมา โดยปีนี้ถือว่ามีคนตื่นตัวมากขึ้น จึงมีองค์กรให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากขึ้น จนมีการขยายพื้นที่ไปยังสวนเบญจกิตติ และมีผู้แสดงเจตจำนงค์ขอเข้าร่วมงาน 10% มีการ

หัวใจสำคัญของการจัดงานคือ การน้อมนำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นการสร้างความยั่งยืนจากภายในประเทศ สู่ต่างประเทศ "พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" (Sufficiency for Sustainability) ภายในงานได้น้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะสืบสาน รักษา และ ต่อยอด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการจัดงานด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก มาผนวกกับหลักเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติ (UNSDGs) มาสู่การปฏิบัติจริงให้เกิดเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายแห่งการปฏิบัติและเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG)

ภายใต้แนวคิด "Good Balance, Better World สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า”
โดยมีความร่วมมือของกว่า 100 องค์กร 250 วิทยากร และ 500 เครือข่ายธุรกิจยั่งยืน ระดับภูมิภาค และระดับโลก มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่การลงมือทำ

Tag :