เมกะเทรนด์ กรีนไลฟ์สไตล์ปี 2567 รักษ์โลกในสไตล์ใหม่

by วันทนา อรรถสถาวร , 23 ธันวาคม 2566

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2567 แนวคิดการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนไม่ใช่คำศัพท์หรูพูดกันติดปากอีกต่อไป แต่นี่คือของจริงที่คนรุ่นใหม่ ผู้มีความตระหนักรู้ เลือกวิถีการดำเนินชีวิตที่กำลังเผชิญกับความท้าทาย เพื่อดับวิกฤติโลกเดือด ผลกระทบภัยพิบัติสิ่งแวดล้อมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

 

การยอมรับแนวโน้มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคย ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกแนวโน้มที่ยั่งยืนที่สร้างสรรค์และสร้างผลกระทบมากที่สุดซึ่งจะกำหนดทิศทางโลกของเราในปี 2567

 

 

1. ชีวิตนี้ไม่มีขยะ

การปฏิวัติเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้โลกนี้ไม่มีขยะ หรือ ขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste) เกิดแรงกระเพื่อมมาสู่ผู้บริโภคต้นทางการทิ้งขนะอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ไลฟ์สไตล์นี้เน้นการลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ใช่แค่การรีไซเคิลให้มากขึ้น แต่ยังเป็นการลดสิ่งที่เราเลือกใช้และบริโภค ต้องมีจิตสำนึกในการวางแผนการซื้อ การใช้จ่ายทุกด้าน ทั้งวันของใช้ และอาหาร คำนึงถึงบรรจุภัณฑ์ การใช้ถ้วยกาแฟที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือ นำไปสู่การย่อยสลาย นำไปหมักขยะอินทรีย์

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ จนกลายเป็นนิสัย ได้เกิดผลลัพธ์ที่ดีทั้งต่อตัวผู้บริโภค เพียงแค่เริ่มต้นความสำคัญกับการนำอาหารเหลือทิ้งมาทำขยะอินทรีย์มากขึ้น มีการ ด้วยการประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มีการวางแผน จนนำไปสู่การดูแลตัวเอง แบ่งปันผู้อื่น และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

 

 

 

2. แฟชั่นที่ยั่งยืน มากกว่าเทรนด์ แต่เป็นการปรับทัศนคติสร้างความสวย ยั่งยืนจากภายใน

ฟาสต์แฟชั่นมาเร็ว เปลี่ยนเร็ว นั่นจะกลายเป็นความล้าสมัย สายแฟชั่นที่ยั่งยืนกำลังเข้ามาแทนที่

ผู้บริโภคยุคใหม่จะเริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม คัดสรรการเลือกเสื้อผ้าของนั้นมาจากกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบกับคนอื่น ชุมชน หรือไม่ แบรนด์ไหนที่ชูคุณค่า เป็นมากกว่าแฟชั่น และทำดีเพื่อคนอื่น มีความรับผิดชอบ จะทำให้คนเป็นเจ้าของแบรนด์ ภาคภูมิใจ

แบรนด์เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม จึงต้องฉีกไปใช้ วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติด้านแรงงานที่มีจริยธรรม และความทนทานมากกว่าการทิ้ง แบรนด์ที่มาแรงเป็นต้นแบบของการดำรงอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ Patagonia และ Stella McCartney เป็นผู้นำด้านคุณค่าให้กับคนสวมใส่

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา อุตสาหกรรมแฟชั่นมีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก 10% ต่อปี ถือว่ามากกว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศและการขนส่งทางทะเลทั้งหมดรวมกัน นี่คือเหตุผลว่าแฟชั่น ไม่ใช่สิ่งที่มาแล้วไป แล้วทิ้ง แต่ควรเป็นสิ่งที่สร้างคุณค่า คงอยู่กับเราตลอดไป

 

 

 

3. อาหารจากพืช ดีต่อชีวิตและทรัพยากรบนโลก

แนวโน้มของมนุษย์ยุคต่อไป มีวิถีการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน สัดส่วนของคนที่เปลี่ยนมารับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก และลด ละ เลิก การบริโภคเนื้อสัตว์ เพราะเป็นหนึ่งในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมาก

วิถีชีวิตต่อไป จะมีบางคนเข้มข้น หันมาทานวีแกน หรือ การปรุงอาหารที่ไม่มีส่วนผสมของสัตว์เลย

แต่ก็ยังมีบางส่วนเน้นสร้างทางเลือกในการรับประทานสลับสับเปลี่ยนไป บางวัน วีแกน บางวัน มังสวิรัติ ทานไข่นม ได้
หรือ บางสายค่อยๆ ลด ละ “ยืดหยุ่น” เน้นสะดวก บางมือทานเนื้อสัตว์บ้าง ซึ่งเทคโนโลยีในอนาคตจะก้าวหน้าอีกขั้น ผลิตเนื้อสัตว์ จากการเพาะเนื้อเนื้อแทนการเลี้ยงจากฟาร์ม ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้พื้นที่จำนวนมาก น้ำมาก และกระบวนการผลิตการเลี้ยงยังกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค

ผลศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ในวารสาร Science ระบุว่าอาหารที่ปรุงจากพืชเป็นหลักสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอาหารได้มากถึง 70%

 

 

 

4. การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การขนส่งเป็นอีกหนึ่งภาคที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมานมาก เพราะส่วนใหญ่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ภาคการขนส่งจึงต้องปรับเปลี่ยนตัวเองหันไปใช้วิธีการขนส่งโดยใช้รถยนต์ไฟฟ้า จักรยาน และระบบขนส่งสาธารณะ

การเดินทางและการขนส่งในยุคปีหน้าจึงเริ่มเห็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ในหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น ชีวิตวิถีคนเมืองจะเปลี่ยนไป มีการเริ่มต้น ลงทุนปรับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเดินทางคาร์บอนต่ำ เช่น มีเลนสำหรับการปั่นจักรยานที่ดีขึ้น มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงมาใช้รถไฟฟ้า

 

 

 

5. ไขรหัสตอบโจทย์ การอยู่อาศัยยั่งยืน บ้านประหยัดพลังงาน

บ้านยุคใหม่จะเป็นบ้านติดตั้งพลังงานไฟฟ้าสะอาด และมีการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ไปจนถึงมีการวัดเทอร์โมสตัทอัจฉริยะ ตอบโจทย์ บ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น สำหรับคนยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว จะมองหาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้พลังงานสะอาด เพราะผู้บริโภคมีการตระหนักรู้ คำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ที่นอกจากประหยัดค่าไฟฟ้าแล้วยังช่วยโลกอีกด้วย

ผลลัพธ์คุ้มค่าจากแผงโซลาร์เซลล์ ระบบแผงโซลาร์เซลล์สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 35,180 ปอนด์คาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี (ราว 16,000 กิโลกรัม)

 

 

 

6. การระดมทุนและการลงทุนธุรกิจสีเขียว

การลงทุนอย่างยั่งยืนกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน ที่กำลังพิจารณาถึงธุรกิจที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เพียงแค่การรักษ์โลก แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่มหาศาล ที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกันกับการเปลี่ยนผ่านฟื้นฟูโลกสู่ความยั่งยืน
ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนทางการเงินสูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว

แนวโน้มจะเป็นผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว นี่คือการเติบโตยั่งยืนอย่างแท้จริง

บทสรุป: อนาคตที่ยั่งยืนอยู่ในมือของเรา

การนำเทรนด์เหล่านี้ไปใช้ไม่ใช่แค่แฟชั่นมาแล้วไป เปลี่ยนใหม่ทุกปี แต่คือเทรนด์ที่จะมาเปลี่ยนทัศนคติ วิธีคิด ปรับพฤติกรรมสู่วิถีชีวิตใหม่ ที่ไม่ใช่เพียง ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ต้องมีการแบ่งปันสู่เพื่อนร่วมโลก สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะผลกระทบสภาพอากาศเริ่มคืบมาใกล้ตัวกว่าที่คิด จุดเปลี่ยน สร้างโลกจะยั่งยืนได้ด้วยการกำหนดพฤติกรรมในวันนี้ เพื่อส่งต่อโลกที่ดีกว่าเดิมให้คนรุ่นต่อๆ ไปแต่ละก้าวเล็กๆ ที่เราทำสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของโลกของเรา
คนรุ่นต่อไปจะสำนึกและตอบแทนบุญคุณการเปลี่ยนแปลงที่จากตัวเราเกิดขึ้นในวันนี้


ที่มา: https://medium.com/