ศุภาลัย จับมือ ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่บ้านสีเขียว ฝ้ายิปซัม - สีรักษ์โลก

by ESGuniverse, 26 เมษายน 2567

ศุภาลัย ผนึก ทีโอเอ ปั้นนวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ‘ฝ้ายิปซัมรีไซเคิล & สีรักษ์โลก' เข้าไปพัฒนา 23 โครงการใหม่ ในปี 2567 ทั้งแนวราบและคอนโด ตั้งเป้าองค์กรปลอดขยะลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573

องศาที่เกินทนในบางพื้นที่ของประเทศ อุณหภูมิสูง 40 องศา C ปัญหาอากาศร้อนอบอ้าวภายในบ้านตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งหากบ้านไหนเจอการใช้วัสดุที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน แล้วยังสร้างคาร์บอนเพิ่มในอากาศ

ซึ่ง 2 สาเหตุ หลัก ๆ ของความอบอ้าวในบ้าน มาจาก

     1. ความร้อนที่เกิดภายนอกบ้านจากแสงแดด

     2. ความร้อนสะสมที่มีอยู่ภายในบ้าน จากระบบระบายอากาศภายในบ้านไม่ดี จึงจำเป็นต้องเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาช่วย นอกจากกันร้อนได้ดีแล้ว ต้องช่วยลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจก ลดการเพิ่มความร้อนให้โลกด้วย

การปลูกบ้านเพิ่มทุกครั้ง หมายถึงการนำทรัพยากร วัสดุก่อสร้างมาใช้มากมายกว่าจะได้บ้านใหม่หนึ่งหลัง อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และวัสดุ จึงตกเป็นเป้าใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง เพิ่มคาร์บอนสู่บรรยากาศ

จะหยุดปลูกบ้านถอยห่าง โดยไม่ทำอะไรเลยก็ดูจะง่ายเกินไป ธุรกิจยังต้องการการเติบโต สิ่งสำคัญคือ การหาทางออกเติบโต โดยไม่ส่งผลกระทบเพิ่มภาระการใช้ทรัพยากร ทำให้เสื่อมโทรม จึงต้องคิดค้นหาวิธีสร้างบ้านอย่างไรให้สบายใจทั้งผู้อยู่ และดีต่อโลก


บ้านเย็น คือ ความอยู่อาศัยช่วยทำให้คนสบายกายสบายใจในการใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างปกติสุข กลมกลืนกับธรรมชาติ

 

ศุภาลัย โลดแล่นอยู่ในวงการนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานมากกว่า 30 ปี จับมือ ทีโอเอ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านสีทาบ้าน มองถึงการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนตามแนวคิด ESG (สมดุล สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ) จึงวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยบ้านสร้างอย่างไม่ส่งผลกระทบต่อโลก ใช้วัสดุหมุนเวียน และผ่านฝ้ายิปซัมรีไซเคิล และสีรักษ์โลก เดินหน้าสู่องค์กร Zero Waste


ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573

 

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีความยั่งยืน ตามแนวคิด ESG โดยมีส่วนร่วมใส่ใจดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่บริษัทฯ เน้นย้ำมาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี โดยมีการตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2573 จาก BAU (Business As Usual) พร้อมตระหนักถึงการคิดค้น หาวิธีการและนวัตกรรมที่จะมาช่วยชดเชยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดจากกิจกรรมของธุรกิจอสังหาฯ

 

ล่าสุด บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA คิดค้นผลิตนวัตกรรมสีและวัสดุก่อสร้างที่อยู่อาศัยรักษ์โลก ภายใต้โครงการ 'ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก' ผ่านการคิดค้นนำนวัตกรรม ฝ้ารีไซเคิล นำร่อง 2 โครงการคอนโดมิเนียม พร้อมกันกับ เลือกใช้ 'สีรักษ์โลก รุ่น Expert' สำหรับบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการก่อสร้างลดโลกร้อน ทั้งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ลดการใช้ทรัพยากร เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ที่จะเริ่มนำนวัตกรรมใหม่ มาใช้กระจายในการก่อสร้างทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อก้าวไปสู่การเป็นองค์กรปลอดขยะ ( Zero Waste)

 


รีไซเคิลเศษฝ้าเหลือใช้เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม

 

สำหรับโครงการ 'ฝ้ายิปซัม รักษ์โลก' มีแนวคิดมาจากการพยายามลดเศษวัสดุฝ้าเหลือใช้ที่จะกลายเป็นของเสียในโครงการก่อสร้างต่างๆ แล้วนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด เริ่มนำร่องไปแล้วกับ 2 โครงการคอนโดมิเนียม ‘ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และ ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ - รัตนาธิเบศร์’ ที่สามารถนำเศษวัสดุฝ้าจากหน้างานมาเข้ากระบวนการใหม่ได้ถึง 13.26% ช่วยลดของเสียได้กว่า 10% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2.50 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตารางเมตร

 

“หนึ่งในเรื่องที่ศุภาลัยเน้นย้ำและผลักดันมาตลอด คือ การคัดสรรวัสดุก่อสร้างจากพันธมิตรธุรกิจ ที่เน้นประหยัดพลังงาน ลดความร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้น้ำ รวมถึงการบริหารจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้ในงานก่อสร้าง (Waste Management) ให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ ซึ่งสามารถนำเศษวัสดุก่อสร้างมาต่อยอดให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงสุด ”

โดยบริษัทฯ ได้มีการหารือ พูดคุยและร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจวัสดุก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนากระบวนการก่อสร้าง พร้อมการวางแผนจัดการที่ดีทั้งในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย

 

นวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียว

 

นายกิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) อธิบายเพิ่มเติมว่า ศุภาลัยมุ่งมั่นให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในวิธีการ คือการพูดคุยอย่างจริงใจกับพันธมิตรธุรกิจ เสนอความคิดเห็นและความต้องการ หาแนวร่วมเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่อยู่อาศัยสีเขียวร่วมกัน

 

ทางศุภาลัยมีการคิดค้น-ออกแบบวัสดุ และผลักดันแนวคิด Waste Management ในกระบวนการก่อสร้างมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในองค์กร และขับมือกับพันธมิตรที่สำคัญอย่างทีโอเอ เป็นการนำของเหลือใช้จากงานก่อสร้างหน้างาน นำมาผ่านกระบวนการใหม่ที่ได้คุณภาพมาตรฐานดีเหมือนเดิม และยังช่วยลดวัสดุเหลือใช้ นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะที่นวัตกรรม 'สีรักษ์โลก รุ่น Expert' ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก จากการลดใช้สีรองพื้น สำหรับโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมของศุภาลัย


โดยทั้งสองนวัตกรรมฝ้ายิซัมรีไซเคิล และสีลดโลกร้อน สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 332,179 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ชดเชยการปลูกต้นสักได้ถึง 19,313 ต้น ภายใน 1 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566) ลดการใช้น้ำได้ถึง 98,347 ลิตรต่อปี ตลอดจนยังมีการตั้งเป้าหมายใช้นวัตกรรมฝ้ายิปซัม รักษ์โลก อีก 23 โครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ภายในปี 2567


สีรักษ์โลก แห้งไว ไร้โลหะหนัก

 

ด้าน นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า องค์กรมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 2520

 

หนึ่งพันธกิจหลักที่ทำอย่างต่อเนื่อง คือ การร่วมมือกับพันธมิตรภาคธุรกิจที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อโลกอย่างยั่งยืน หรือ Green Partner ในการสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมสีเขียวที่ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการคิดค้นโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์คู่ค้าและผู้บริโภค ที่จะช่วยลดผลกระทบทางลบให้กับโลก ใส่ใจต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน และยกระดับที่อยู่อาศัย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับทุกคน (Better Health & Wellness)

 

การจับมือกับพันธมิตรองค์กรสีเขียวอย่าง 'ศุภาลัย' ถือเป็ฯการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีนโยบายสู่การเป็นองค์กร Zero Waste ให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการของเสียเป็นศูนย์ เพื่อช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงนำไปสู่การพัฒนาและค้นพบนวัตกรรมสีรักษ์โลก รุ่น Expert

 

“ นวัตกรรมสีรองพื้นและสีทับหน้ารูปแบบใหม่ Direct to Metal ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานสีรวมได้กว่า 10 ชั่วโมง จากรอบการทาและรอบรอสีแห้งที่ลดลง เมื่อเทียบกับสีรูปแบบเดิมโดยที่ประสิทธิภาพสีเท่าเดิม ช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงานให้กับผู้ใช้งาน ที่สำคัญยังช่วยประหยัดการใช้น้ำได้อย่างมาก เช่น การทาสี รุ่น Expert ในพื้นที่บ้านเดี่ยว 150 ตร.ม. ที่มีพื้นที่ฝ้า 450 ตร.ม. จะช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 78.70 ลิตรต่อหลัง และหากเทียบกับสีระบบเดิมที่ศุภาลัยใช้ จะช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 98,347 ลิตรต่อปี อีกทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ทาสีรองพื้นได้ถึง 2,297 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า”

 


ส่งต่อแนวความคิดเพื่อโลกยั่งยืน สู่ลูกบ้าน

 

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ปัจจุบันมีหลากหลายนวัตกรรม ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจนเป็นโปรดักส์ใหม่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับสากล ถูกนำมาใช้ภายในโครงการที่อยู่อาศัยของศุภาลัย พร้อมการันตีคุณภาพการก่อสร้าง สร้างความเชื่อมั่น และส่งต่อแนวความคิดด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการเรียนรู้ให้กับลูกบ้านศุภาลัยทุกคน ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน การอยู่อาศัยแบบรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมร่วมแบ่งปันนวัตกรรมที่ร่วมสร้างสรรค์กับพันธมิตรธุรกิจส่งต่อสู่สาธารณะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนพันธกิจ Zero Waste ระดับประเทศ

 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนานวัตกรรมในการก่อสร้างที่ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอีกมากมาย ร่วมกันสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยรักษ์โลก เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดไป

 

นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจของสองพันธมิตรผู้นำนวัตกรรมสีเขียวที่มีเป้าหมายเดียวกัน ในการคิดและลงมือทำร่วมกัน เพื่อช่วยโลกลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างยั่งยืน