พล.อ.ประยุทธ์ เผย ตั้งคณะรัฐมนตรีได้กลางเดือน ก.ค. นี้ แน่นอน ส่วนรายชื่อรัฐมนตรี อาจมีบางคนหลุดโผไปบ้างขอให้รอดู มั่นใจหลังตั้งรัฐบาลเรียบร้อยจะสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีการต่อรองภายหลัง ขอให้ทุกคนมองประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า หลังจากนี้จะเรียกแต่ละบุคคลมารับรองประวัติอย่างเป็นทางการ โดยที่ผ่านมาได้ตรวจสอบกับหน่วยงานต่างๆมาแล้ว รวมถึงบางคนที่มีคดีก็มีการชี้แจงเบื้องต้นแล้วว่า แต่ละคดีอยู่ในขั้นตอนไหนและกฎหมายว่าอย่างไร ซึ่งมีข้อชี้แจงทั้งหมดแต่ท้ายที่สุดก็ต้องให้แต่ละคนมาเซ็นรับรองตัวเอง และวันหน้าหากไม่เป็นไปตามที่รับรองก็อาจโดนคดีได้

ดังนั้นถือว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ขอให้ใจเย็นๆ ยืนยันว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯทันตามขั้นตอนอย่างแน่นอน ส่วนรายชื่อครม.จะเป็นไปตามที่แต่ละพรรคเสนอมาหรือไม่นั้น ยังไม่ขอบอกและยังบอกไม่ได้ เพราะหากบอกไปว่าได้หรือไม่ได้ก็ไม่จบซักที

สำหรับบางคนที่แต่ละพรรคเสนอชื่อมา จะมีหลุดไปจากโผบ้างหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงมีบ้าง ถึงอย่างไรก้จะมีเพียง 36 ตำแหน่ง รัฐมนตรีหลักหากควบก็มาเป็นรัฐมนตรีช่วย ยอดมันก็มี 36 คน อาจมีคนมากกว่านั้นเพราะซ้ำ 3 คนหรือเปล่า ต้องไปดูตรงโน้น ถ้าไม่เป็นรัฐมนตรี ก็เป็นส.ส.ทำงานร่วมกันในสภา ซึ่งผมหวังอย่างเดียวว่า ทั้งสองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต้องทำงานด้วยกันไม่ใช่จ้องจะล้มกันอยู่ตลอดเวลา มันไม่ใช่เวลานี้ แต่คงไปห้ามเขาไม่ได้ ประชาชนจะตัดสินเองว่าพฤติกรรมแต่ละคนเหมาะสมหรือไม่

เมื่อถามว่า จะเรียกว่าที่รัฐมนตรี มาเซ็นรับรองที่ทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ และเป็นไปตามระเบียบที่อยู่แล้ว อย่ามาถามอีก ขณะนี้ ตอบได้อย่างเดียวว่าทันเวลาอย่างแน่นอน ยืนยันว่ากลางเดือนหน้าได้รัฐบาลใหม่อย่างแน่นอน

เมื่อถามย้ำว่าจะก่อนหรือหลังการเดินทางไปร่วมประชุม จี 20 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น ต้องทำให้ทันเวลาที่กำหนด และรอถวายสัตย์ปฏิญาณตน ย้ำว่ากลางเดือนหน้าจะเรียบร้อย

"วันนี้ยังไม่ทันตั้งก็จ้องจะล้มรัฐบาลกันแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ดี ทั้งนี้ได้ยืนยันกับต่างประเทศว่าไม่ต้องกังวลยังไงเราก็ไปกันได้ อย่างไรก็ตามเราก็ยืนหยัดกับความอดทน อดกลั่น มีสติ สัมปชันยะ และใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบอริยสัจ 4 และมีขันติโสรัจจะ เป็นแก่นแท้ศาสนาพุทธและเป็นศาสนาแห่งความปรองดอง สมานฉันท์ ซึ่งพระพุทธเจ้าเดินทางสายกลาง ไม่ซ้ายหรือขวาจนเกินไป ทั้งนี้เรานับถือศาสนาพุทธกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วจะมาตีกันทำไม เป็นศาสนาแห่งความสงบสุข ร่มเย็น บางเรื่องไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ก็ไปรวมด่ากับคนอื่นด้วย เห็นว่าสนุกด่าตามกันไป ด่าเผื่อถึงนายกฯ ผมก็อ่านบ้าง แต่ไม่ติดโซเชียล"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการตั้งรัฐบาลเสร็จแล้วพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้าใจและไม่งอแง นายกฯ กล่าวว่า ผมอยู่มา 5 ปี ไม่เข้าใจก็แย่แล้ว ดังนั้นต้องเข้าใจว่า ผมทำงานด้วยหลักการ และกฎหมาย เพราะต้องระวังตัวเองเช่นกัน แรงกดดันต่างๆที่เข้ามา ก็ต้องมีคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองแผนงานนโยบาย และการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนั้นควรกดดันว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าไปได้

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะไม่ยอมให้พรรคไหนงอแงเมื่อมาร่วมรัฐบาลกันแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงไม่ต้องพูด ต้องคิดว่าคุยกันได้รู้เรื่อง ถ้าทุกคนมองประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“บิ๊กตู่” เผย ตรวจคุณสมบัติ รมต.อีกครั้งก่อนเดินตามขั้นตอน