‘อภิรัชต์’จัดหนักพวกซ้ายดัดจริตหวังแก้มาตรา1-นักการเมือง

by ThaiQuote, 11 ตุลาคม 2562

ผู้บัญชาการทหารบก จัดบรรยายพิเศษ ปลุกสำนึกรักแผ่นดิน ชี้แก้มาตรา 1 เท่ากับล้มล้างราชอาณาจักร

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้จัดการบรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง” ณ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก และได้เชิญบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา ดารา ผู้แทนผู้นำศาสนา และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ รับฟังการบรรยายครั้งนี้

ผู้บัญชาการทหารบก ได้เริ่มต้นการบรรยายครั้งสำคัญนี้ว่า ตนได้เคยพูดมาเสมอว่าเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วทหารจะถอยห่างจากการเมือง ไม่มี คสช. เพราะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมกล่าวถึงคำถามที่ว่าทำไมต้องมีทหาร โดย ผบ.ทบ. ได้บอกว่าทหารนั้นได้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 52 มีหน้าที่ อาทิ เพื่อพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาเอกราช อธิปไตย บูรณาการแห่งอาณาเขต ดูแลความมั่นคงของรัฐ พร้อมยกข้อความหนึ่งขึ้นมา คือ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เต็มใจและพร้อมที่จะจับอาวุธขึ้นมาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติแล้วล่ะก็ ขอจงหยุดวิพากษ์วิจารณ์คนที่กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่

เปิดวีดิทัศน์ประกอบเพลง ถามคนไทย
จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ได้ย้อนเริ่มต้นในการยายในเนื้อหาการทบทวนเส้นทางประวัติศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับการเสียดินแดน 14 ครั้ง และได้กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ ที่สามารถรักษาเอกราชของชาติไว้ได้ เพราะความปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้ปกป้องรักษาแผ่นดินเอาไว้ และได้เปิดวิดิทัศน์ให้รับชม มีความยาวราว 1 นาทีประกอบวีดิทัศน์ด้วยเพลง ถามคนไทย เสียงร้องของ สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ โดยในวิดีทัศน์ดังกล่าวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ของบรรพบุรุษในอดีตที่ได้ต่อสู้เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินไทยเอาไว้

ย้อนประวัติ ‘สุนทร’ สู้คอมมิวนิสต์-อัดอดีตคนเข้าป่าล้างสมองเยาวชน
อย่างไรก็ดี พล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวถึงพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ถึงวีกรรมในอดีตและตนเองมีส่วนอยู่ในเหตุการณ์ว่า ที่ตนมีความรู้สึกรักชาติครั้งแรกนั้น เริ่มต้นจากข่าวการตกของเฮลิคอปเตอร์ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่จ.ราชบุรีเมื่อวันที่ 15ก.พ. 2515 และพ.อ.สุนทร ยศในขณะนั้น เป็นหนึ่งใน 11 ชีวิตที่เฮลิคอปเตอร์ตก และถามพ่อว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ โดยพ่อบอกว่า พ่อไปปกป้องอธิปไตยด้วยการไปต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์

“ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และประชาชน เป็นสิ่งที่แยกออกกันไม่ได้ ในอดีตพระมหากษัตริย์อยู่บนหลังช้าง ทหารอยู่รายล้อมรอบช้าง ซึ่งทหารเหล่านั้นก็คือประชาชนที่เสียสละเข้ามาร่วมรบกับพระมหากษัตริย์ พร้อมกันนี้ผู้บัญชาการทหารบกได้เปิดพระฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 ขณะทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช พระยศร้อยเอก ที่ได้ทรงเสด็จไปยังอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2519 เพื่อร่วมรบกับทหาร ทรงอยู่ในฐานปฏิบัติการกินนอนกับทหาร ทรงเยี่ยมประชาชน ทรงเป็นมิ่งขวัญ ทรงเป็นกำลังใจ ทรงรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าทหารหาญ หลังจากนั้นยังมีอีกหลายยุทธการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง กว่าพรรคคอมมิวนิสต์ถึงจะยอมวางอาวุธ แต่ปัจจุบันนี้ยังมีพวกหัวเดิมๆที่กลับออกมา มาเป็นนักการเมือง บ้าง เป็นนักวิชาการบ้าง และยังฝังชิบการเป็นคอมมิวนิสต์เอาไว้” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ชี้ ‘โจชัว หว่อง’ มาไทยหลายครั้ง
อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการทหารบก ได้บรรยายต่อไปถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกประกอบการนำคลิปวิดีโอการต่อสู้ ความรุนแรงทุกมุมโลกมาเปิดต่อผู้เข้าฟังบรรยาย และได้บอกว่าที่ใกล้ตัวที่สุดคือความขัดแย้งรุนแรงในเกาะฮ่องกง ก่อนที่จะพูดถึงนักการเมืองไทยบางคนที่ไปถ่ายรูปคู่กับนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและหนึ่งในแกนนำการชุมนุมของฮ่องกง โดยผู้บัญชาการทหารบกบอกว่านายหว่องได้เดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อมาพบกับบุคคลบางคน พร้อมตั้งคำถามว่าการเดินทางมาพบพูดคุยกันนั้นไม่การสมคบคิดวางแผนอะไรอยู่หรือไม่

ย้ำชัดแก้รธน.คือล้มราชอาณาจักร
พล.อ.อภิรัชต์ ได้เล่าถึงการทำงานและปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เริ่มเมื่อปี 2545 และรุนแรงต่อเนื่อง เพราะมีการคาดการณ์ผิด บอกแค่ว่า โจรกระจอก เมื่อปรับนโยบายมาใช้ตาม พระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่9 ที่เป็นเหมือนไฟส่องทาง สำหรับผู้ปฎิบัติพื้นที่ในชายแดนจังหวัดภาคใต้ และตนอยู่ในพื้นที่ ไปเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่24 พื้นที่รอยต่อจ.ยะลา และนราธิวาส ทำงานในพื้นที่ เป็นเวลา 1 ปี2 เดือน ทราบปัญหาต่างๆมากมาย ตนถือว่าโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ รุ่นน้องและลูกน้องผู้นำทางศาสนา รวมทั้งประชาชนหลายคนไม่มีโอกาสได้กลับมาบ้านเหมือนตน

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่า ฝ่ายความมั่นคงจะมีวันหยุดการทำงานจนกว่าจะรู้ว่าคนเหล่านี้เชื่อมโยงกับใครบ้าง มีการวางแผนจากอีกฝั่งแล้วข้ามมาก่อเหตุในฝั่งนี้ มีบางกลุ่มลงไปจัดเสวนา แล้วมีนักวิชาการนั่งเทียนว่าเชี่ยวชาญเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งยังมีการกล่าวถึง มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ดังนั้นขอยืนยันว่าตนไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไม่ได้ แต่มาตรานี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษที่เสียเลือดเรื่อรักษาขวานทองนี้ไว้ ผมเชื่อว่าแม้ตนจะตายไป แล้วมีทหารรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนบอกแบ่งแยกดินแดนได้ จะแก้มาตราไหนก็แก้ แต่ถ้าแก้มาตราที่1 จะกระทบกับมาตราอื่นที่กระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี้เป็นความชาญฉลาดของนักวิชาการที่ไม่ยอมบอกตรงๆว่าต้องการแก้ไขเรื่องอะไร

“และที่ผ่านมาทหารถูกเป็นเป้าโจมตีอยู่ตลอด แต่ขอยืนยันว่า ทหารทุกคนไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะมีนายตำรวจ นายทหาร มีนาย นาง นางสาว มาเป็นรัฐบาล พวกผมก็ทำงานให้ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการเลือกนาย แต่กลุ่มคนเหล่านี้รู้ดี ไม่ได้มองทหารว่ารักษาประเทศชาติ ปกป้องรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าทหารเป็นอุปสรรคของประชาธิปไตย ทหารก็คือประชาชน เพราะทหารคือหลักของความมั่นคงที่จะต้องปกป้องอธิปไตย” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมากว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงพยายามจะทำให้มีความสงบสุขเกิดขึ้น หลายคนมองว่าทำไมยังทำไม่ได้ ทำไมยังไม่สงบ เพราะอะไร เพราะคนร้ายในชายแดนใต้ที่เป็นศัตรูแต่งตัวเหมือนกับประชาชน นี่จึงเป็นความยากในการทำงานของเจ้าหน้าที่ เราไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นที่แต่งกายเหมือนกับประชาชน ขับรถเหมือนกันกับประชาชน จะเอาปืนมายิง เอาระเบิดมาขว้างใส่เราหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยรบพิเศษในการปฏิบัติหน้าที่

“ขณะนี้มีนักวิชาการบางกลุ่มที่ฉลาดจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 1 แต่พูดออกมาตรงๆไม่ได้ จึงพยายามสร้างเรื่องให้มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ระบุไว้ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ตนไม่ยุ่งกับการเมือง แต่เรื่องนี้คือความมั่นคง คนเหล่านี้กำลังพยายามสร้างเรื่องให้ทหารคืออุปสรรคของประชาธิปไตย อยากจะถามว่ามีเหตุผลอะไร เพราะทหารคือเสาหลักความมั่นคง พยายามสร้างวาทกรรมเอาใจคนรุ่นใหม่ พยายามจะบอกว่า ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ลดงบกระทรวงกลาโหม ไม่จำเป็นต้องซื้อยุทโธปกรณ์ คนพวกนี้หนักแผ่นดิน
ท่านคิดให้ดีแล้วกันว่าทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ เกิดวิกฤติ หัวหน้าพรรคการเมือง พรรคการเมือง หนีหมด ทิ้งลูกน้องติดคุก ขึ้นศาล คนที่ร่วมชุมนุมกลับไปจนเหมือนเดิม”

อ้าง ‘เฉลิม’ บทเรียนนักการเมือง
พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้กล่าวอีกต่อไปถึงนักการเมืองด้วยว่า ผมเอ่ยชื่อนักการเมืองคนหนึ่งได้ คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเอ่ยชื่อได้ เพราะมีความสนิทสนมกันตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ผมได้ถามว่าตอนหนีไปอยู่ต่างประเทศลำบากแค่ไหน ลูกลำบากแค่ไหน กว่าจะกลับมาประเทศไทยได้ลำบากแค่ไหน

“ ขออาเหลิมด้วยแล้วกันที่ต้องเอ่ยชื่อ สุดท้ายที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ทุกคนไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่ขอถามว่าปัญหาเรื่องความมั่นคงท่านจะให้ใครแก้ นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริต ที่ไปเรียนจากประเทศล่าอาณานิคม ชอบอ้างเลข2475 และชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทะกรรมจาบจ้วง หรือท่านจะเลือกให้กลุ่มนักการเมืองที่เลือกพวกพ้อง ไม่ห่วงผลประโยชน์ของชาติ และยังมีนักการเมืองในภาคใต้ที่เกาะแข่งเกาะขาพ่อผมในสมัยก่อน หรือจะเชื่อนักการเมืองที่เป็นเหมือนผึ้งแตกรังที่ลูกพี่ใหญ่หนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ หรือเชื่อคนที่ร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน ดังนั้นคนทั้ง 3 คนกลุ่มนี้ที่ตนได้เอ่ยมานั้น ไม่ผิดหรอกที่ท่านจะมาเป็นผู้นำประเทศนี้ เพราะในอดีตก็เคยมี แต่ขอเถอะครับถ้าไม่คิดล้มล้างสถาบัน ไม่คิดเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองประเทศ ผมและเพื่อนทหารตำรวจ จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชน และขอให้นิสิตนักศึกษาจำเอาไว้ว่าทหารตำรวจก็คือลูกหลานของพวกท่าน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

บิ๊กตู่ไม่ออกความเห็นกรณีนักการเมืองหนุนม็อบฮ่องกง