“ดร.นิว” เผย The Economist ตบหน้ากลุ่มชังชาติ ปรับไทยเป็นประเทศ “ประชาธิปไตย”

by ThaiQuote, 24 มกราคม 2563

ดร.นิว เผย The Economist เลื่อนอันดับประเทศไทยขึ้นมาจากกลุ่มที่ไม่เป็นประชาธิปไตยกลายมาเป็นประเทศในกลุ่มที่เป็นประชาธิปไตย แม้มีคนบางกลุ่มพยายามออกไปให้ร้ายประเทศไทยในเวทีต่างประเทศ

ดร. ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร. นิว" นักวิจัย และนักวิชาการรุ่นใหม่ ที่สนใจติดตามและวิจารณ์การเมืองไทยมาโดยตลอด ได้โพสต์ เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan โดยชี้ให้เห็นว่า ดัชนีประชาธิปไตยหรือ Democracy Index 2019 โดย The Economist เลื่อนอันดับให้ประเทศไทยขึ้นมาจากกลุ่มที่ไม่เป็นประชาธิปไตยกลายมาเป็นประเทศในกลุ่มที่เป็นประชาธิปไตย จากคะแนน 4.63 คะแนนในกลุ่มระบอบปกครองแบบผสม(Hybrid Regime) พุ่งสูงขึ้นมาเป็น 6.32 คะแนนในฐานะระบอบประชาธิปไตยที่มีตำหนิ(Flawed Democracy) แม้จะมีความพยายามจาก คนบางกลุ่มออกไปโจมตีประเทศไทยในเวทีต่างประเทศก็ตาม โดยมีรายละเอียดดังนี้

“#สงสารพระเอกลิเกผู้ถูกเผด็จการทารุณ

เพราะแม้เขาจะพยามแสดงบท “หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม” แทบตายเพียงใดก็ตาม แต่ก็มีเพียงแค่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่หลงใหลเคลิบเคลิ้มไปกับการแสดงของเขา

ในขณะที่สื่อชื่อดังระดับโลกอย่าง The Economist ที่ทำเหมือนจะเห็นคุณค่าในตอนต้นก็ไม่ได้ให้ราคาใดๆในตอนท้าย แถมยังพาไปตบกลางเวทีให้โลกรู้ว่าเมืองไทยเป็น "ประชาธิปไตย" ด้วย "ดัชนีประชาธิปไตย 2019" เสียอีก

ทั้งๆที่ผ่านมา...พระเอกลิเกขวัญใจโซเดียมได้เดินสายไปให้สัมภาษณ์ในงานระดับโลกต่างๆซึ่งเขาอ้างว่าได้ถูกเชิญไป(รวมถึงกรณีของสำนักข่าวNBCที่ผ่านมาแล้วถึง 6 เดือนกว่า...แต่ก็ยังไม่ได้ออกอากาศตามที่เขาโม้ไว้แต่อย่างใด)

แม้แต่ในงานของ The Economist เองที่ได้จัดขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา และเขาได้มีโอกาสกระทบไหล่โจชัว หว่อง ซึ่งในงานครั้งนี้พระเอกลิเกก็ได้ไปแสดงบทผู้ถูกเผด็จการทารุณบทเดิมที่มีเพียงแค่บทเดียวของเขา “หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม” แล้วก็สาธยายถึงความเป็นเผด็จการที่สุดแสนจะเลวร้ายในประเทศไทย ไหนจะเผด็จการทหาร ไหนจะรัฐธรรมนูญภายใต้เผด็จการ ไหนจะถูกโกงเลือกตั้ง ไหนจะถูกกลั่นแกล้ง ไหนจะถูกตั้งข้อหา ฯลฯ ด้วยการถูกทารุณมากมายสารพัดสมกับที่ “หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม”

แต่แล้วล่าสุด...ดัชนีประชาธิปไตยหรือ Democracy Index 2019 โดย The Economist กลับเลื่อนอันดับให้ประเทศไทยขึ้นมาจากกลุ่มที่ไม่เป็นประชาธิปไตยกลายมาเป็นประเทศในกลุ่มที่เป็นประชาธิปไตย จากคะแนน 4.63 คะแนนในกลุ่มระบอบปกครองแบบผสม(Hybrid Regime) พุ่งสูงขึ้นมาเป็น 6.32 คะแนนในฐานะระบอบประชาธิปไตยที่มีตำหนิ(Flawed Democracy)

ในท้ายที่สุด...แม้ว่าลิเกหลอกเด็กบทนี้จะทุ่มทุนสร้างอย่างมหาศาลด้วยกระบวนการปั่นกระแสในโลกไซเบอร์ อีกทั้งบริษัทล็อบบี้ยิสต์อย่างน้อยหนึ่งแห่งตามที่เราทราบกันเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม

แต่พระเอกลิเกก็ต้องอกหักอย่างเลี่ยงไม่ได้ที่ไม่อาจโกอินเตอร์ เพราะไม่สามารถทำให้ชาวโลกหลงใหลเคลิบเคลิ้มในบทผู้ถูกเผด็จการทารุณ “หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม” ได้ แถมยังถูกตบหน้าด้วยคำว่า “ประชาธิปไตย” จนต้องกลับมาเป็นลิเกกลางแปลงของคนเฉพาะกลุ่มดังเดิม

คิดแล้วก็น่าสงสารพระเอกลิเกผู้ถูกเผด็จการทารุณที่พยามลวงโลกให้ล้อมประเทศ แต่สุดท้ายกลับถูกตัดหางปล่อยวัดเสียเองด้วยคำว่า “ประชาธิปไตย” ที่สวนทางกับ “หัวใจของเราถูกโบยตีด้วยความอยุติธรรม”

ดร.ศุภณัฐ
24 มกราคม พ.ศ. 2563
#ประชาธิปไตยTheseris by ดร.ศุภณัฐ”


ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

เลือดไหลต่อเนื่อง 8 อดีตผู้สมัครส.ส.ขอลา "ประชาธิปัตย์"