เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ออกโรงเตือน เหตุประชากรราวครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 54 ล้านคนของเมียนมา อาจติดเชื้อโควิด-19 ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงาน เมื่อวันที่ 29 ก.ค.64 ว่า บาร์บารา วู้ดเวิร์ด เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ได้แสดงความกังวลถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN)

ภายหลังที่ เมียนมา ต้องตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อนทั้งการก่อรัฐบาลโค่นล้มรัฐบาลของกองทัพ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินมาตรการคว่ำบาตร ของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ

"รัฐประหาร ได้ก่อผลลัพธ์ ทำให้ระบบสาธารณสุขใกล้ล่มสลายโดยสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขถูกโจมตีและจับกุม ไวรัสกำลังแพร่ระบาดในประชากรเมียนมาอย่างรวดเร็ว โดยจากความคาดหมายในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ครึ่งหนึ่งของประชาชนของเมียนมา อาจติดเชื้อโควิด-19" บาร์บารา กล่าว

ด้าน จอ โม ตุน เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง บอกกับที่ประชุมหารือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่า

“เราร้องขอยูเอ็น จัดตั้งกลไกสังเกตการณ์ที่นำโดยสหประชาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การส่งมอบวัคซีนและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยการสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดจากประชาคมนานาชาติจึงเป็นสิ่งจำเป็น"

ขณะที่สื่อเมียนมา ได้รายงานสถานการณ์โควิดในประเทศ โดยข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขเมียนมา ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 4,980 คน และเสียชีวิต 365 ราย ยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 289,333 รายและเสียชีวิต 8,552 คน (28 ก.ค.64) โดยตัวเลขดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับคณะแพทย์และหน่วยบริการจัดพิธีศพ ที่ระบุว่าตัวเลขที่แท้จริงนั้นสูงกว่านี้มาก

อย่างไรก็ตาม ทางการเมียนมา ได้เปิดเผยข้อมูลว่า มีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนแล้วอย่างน้อย 3.5 ล้านโดส หรือราว 3.2% ของประชากรทั้งหมด โดยตามข้อมูลในสุนทรพจน์ ของพล.อ. มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ ที่เรียกร้องความช่วยเหลือ และความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นจากประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศพันธมิตร ด้านการควบคุมโควิด-19 พบว่า เมียนมา ได้สั่งซื้อวัคซีนจากจีน 4 ล้านโดส และจีนจะบริจาคเพิ่มอีก 2 ล้านโดส และอินเดียบริจาคให้แล้ว 1.5 ล้านโดส

เรื่องที่น่าสนใจ

เผยสูตร ผสม “ไฟเซอร์” ก่อนฉีด 1 ขวดฉีดได้ 6โดส