แกร็บ เปิดโมเดล ล้อหมุนสู่ความยั่งยืน สานสัมพันธ์ 4 ล้านผู้ใช้ ผ่านกลยุทธ์ 4A

by สินนภา ดีเลิศพัฒนา, 29 มีนาคม 2567

เมื่อสตาร์ทอัพตั้งไข่ แปลงร่างสูเดเคคอร์น ความใหญ่ ไปต่อได้ จึงต้องทบทวนโมเดลธุรกิจ 4 ล้านผู้ใช้ สมประโยชน์ สมดุลกงล้อ แพลตฟอร์มแห่งความยั่งยืน

 


แพลตฟอร์ม แกร็บ บริการขนส่ง รับส่งสินค้า และอาหาร ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถสักคัน และไม่ได้ทำอาหารขาย กำลังเรียนรู้ก้าวเข้าสู่บริบทใหม่ ที่จะเป็น”ล้อหมุน” ขับเคลื่อนความยั่งยืน บริบทโลกใหม่ ทำความเข้าใจผู้มีส่วนได้เสีย 4 ล้านคน ไรเดอร์ ผู้ขับ แพลตฟอร์มที่ต้องเข้าใจอาหาร การปล่อยคาร์บอนจากรถบริการ รถยนต์ไฟฟ้า คำตอบที่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการลด วิกฤติโลกร้อน

เป็นเวลามากกว่าทศวรรษแรก แกร็บ เติบโตจากแพลตฟอร์มจาก มาเลเซีย ย้ายไป สิงคโปร์ จากสตาร์ทอัพ ตั้งไข่ ไต่เต้ามาสู่ เดเคคอร์น’ (Decacorn) ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตัวแรกของอาเซียน จากที่เพียงบริการขนส่ง อันทรงพลังกระจายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) ยังขยายธุรกิจใน สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปฟินส์ ไทย และเวียดนาม

จากธุรกิจรับส่งคน จนถึงสินค้าอาหารบริการใน 465 เมือง 8 ประเทศทั่วโลก มีผู้ใช้บริการมากกว่า 180 ล้านคน สำหรับ แกร็บ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคลื่นเศรษฐกิจดิจิทัล อำนวยความสะดวกชีวิตแค่ปลายนิ้วสัมผัส ส่งผลทำให้ แพลตฟอร์มเรียกรถสะสมสมาชิกจำนวนผู้ใช้ ผู้ค้า และผู้รับส่งสินค้า การรับส่งเดินทางรวมกว่า 4 ล้านราย แบ่งเป็น บริการไรเตอร์และผู้ขับขี่รถยนต์ 10% และพันธมิตรร้านค้า 32%

วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจยั่งยืน ตามหลักESG (สมดุลธุรกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ว่า ธุรกิจยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น และฟู้ดเดลิเวอรี่ เติบโตมากที่สุดในปี 2567 เมื่อเทียบจากปีที่เกิดโควิด ใน 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565-2566) จึงทำให้แกร็บมีเครือข่ายที่ใหญ่ในการสร้างอาชีพ ในกลุ่มผู้ขับชี่ ร้านอาหาร และผู้ใช้ไม่ต่ำกว่า ล้านรายต่อวัน


จากTech company
สู่ขับเคลื่อน 4ผู้อาศัยใต้ชายคา

กลุ่มอาศัยพึ่งพาแกร็บ ภายใต้ร่มชายคาเดียวกัน ประกอบด้วย 4 กลุ่มผู้ใช้ แพลตฟอร์ม คือ 1.ร้านอาหาร 2.ผู้ขับขี่รถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ 4.ผู้บริโภค และ 4.แกร็บ

หลักคิดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืน หน้าที่แกร็บจึงวางสมดุล 4 เสา ให้อยู่ภายบ้านหลังเดียวกันให้มีความสุขร่วมกัน

“เราไม่ใช่แค่บริษัทที่เป็นแค่ บริษัทด้านเทคโนโลยี (Tech Company) แต่เป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนสังคม เพราะเราสร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนนับแสนคน กลุ่มคนขับ ร้านอาหาร เข้ามอยู่กับเราในช่วงโควิด ทำให้ใหญ่ขึ้น มาพร้อมกับความรับผิดอบ หากไปต่อไม่ได้ กระทบใครบ้าง ต้องย้อนคิดใหม่ ไม่ลืมมุมของสังคม พึ่งพาแพลตฟอร์ม แกร็บ”

กลยุทธ์ความยั่งยืนของแกร็บคือ การทำดีให้สังคมเห็น เป็นสะพานเชื่อมผู้เกี่ยวข้องในแพลตฟอร์ม ได้รับประโยชน์ร่วมกัน

“ หากมีคนใดคนหนึ่งทั้งสี่คนได้รับประโยชน์มากไป บ้านก็เอียง เสียสมดุล บ้านก็พัง หน้าที่แกร็บคือการบาลานซ์ คนในแพลตฟอร์ม แต่ละวันทำงานร่วมกับคนนับล้าน จึงต้องใส่ใจ คือคนที่เราต้องดูแล ให้แน่ใจ ว่าทุกคนแฮปปี้ได้รับผลประโยชน์เหมาะสม”

โดยทางบริษัทฯ ได้เดินหน้าธุรกิจผ่านโมเดล 4A มุ่งรักษาฐานลูกค้าหลัก (Active Users) ผุดบริการใหม่ที่เน้นความคุ้มค่า (Affordability) ใช้เทคโนโลยีเอไอเสริมแกร่ง (AI Technology) โหมธุรกิจโฆษณา-บริการใหม่ (Ads & New Services)

ควบคู่ไปกับการสานต่อโครงการที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับทุกคนในระบบนิเวศทางธุรกิจ

 

4 A กงล้อ แพลตฟอร์มเพื่ออนาคต

มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านโมเดล 4A ‘Drive Sustainable Growth For A Better Future’ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

Active Users - รักษามาตรฐานที่สูงเพื่อรักษากลุ่มลูกค้า มุ่งรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการโดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพที่ใช้บริการเป็นประจำ (Quality User) การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่างต่อเนื่อง ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว การพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าการให้ส่วนลดสำหรับสมาชิก เพื่อรักษามาตรฐานและประสบการณ์ความอร่อยให้กับผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

Affordability - ราคาจับต้องได้ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น จากการวิจัยที่พบว่าคนไทยมีความกังวลในเครื่องของค่าครองชีพจำนวนมาก แกร็บจึงได้นำเสนอบริการใหม่โดยชูจุดเด่นในเรื่องความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก เพื่อเป็นอีกตัวเลือกเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เช่นกลุ่มนักศึกษาที่มองหาความคุ้มค่าในการดำเนินชีวิต

AI Technology - ด้วยการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีในหลายๆส่วน ซึ่งจะสามารถช่วยต่อยอดพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า และนำ AI มาพัฒนาแผนที่ให้ดีกว่าเดิม เนื่องจากแกร้บใช้แผนที่ของตัวเอง จึงจำเป็นต้องพัฒนาและอัปเดตอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการใช้ AI ในการแปลข้อมูลเป็นภาษาต่างๆเพื่อความลื่นไหลและแม่นยำมากยิ่งขึ้น พิจารณาเครดิตสำหรับการให้สินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ และพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบภายในองค์กร

Ads & New Services - เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณาขนาดใหญ่ด้วยโฆษณาในฟีด (Fleed Ads) และโฆษณาผ่านแแปพลิเคชั่น (Car icon) โดยนอกจากการเจาะตลาดลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กสามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณาและแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเองผ่าน “Self-serve Ads”

จากความต้องการที่ต้องการเป็นแพล็ตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าสู่ออนไลน์แพล็อตฟอร์มให้ได้ ต่อยอดสร้างคุณภาพสังคมที่ดีให้แก่สังคมไทย และพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืนต่อไป แกร็บ ประเทศไทย ได้มีการดำเนินธุรกิจโดยมี ESG เป็นรากฐาน แกร็บ ประเทศไทยเดินหน้าพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า โดยเฉพาะคนขับผู้หญิง (Grab Women) โตขึ้น 45% เพิ่มสัดส่วนรถไฟฟ้าในโครงการ GrabEV เนื่องจากธุรกิจแพลทฟอร์มเรียกรถมีการปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก จึงได้มีส่วนร่วมช่วยผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 2569 ซึ่งบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะไปได้ถึงเป้าเร็วกว่าที่คิดไว้

สำหรับปีที่ผ่านมาสามารถลดขยะพลาสติกไปได้ 300 ล้านชิ้นจากการไม่เลือกรับช้อนส้อมภายในแอปพลิเคชั่น และยังมีโครงการ Carbon Offset ที่ยังคงร่วมปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการ ผลักดันโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

และได้ปล่อยสินเชื่อให้ร้านค้าและไรเดอร์ไปมากกว่า 1 แสนราย โดยได้ปรับยอดวงเงินเพิ่ทเป็นสูงสุดที่ 500,000 บาท ทำให้ในปีนี้สามารถเริ่มต้นวงเงินได้ตั้งแต่ 5,000-500,000 บาท

สำหรับบริการใหม่ในปีนี้ จะมีการยกระดับบริการจองการเดินทางล่วงหน้า (Advance Booking) และกินที่ร้าน (Dine-in) ให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น รวมไปถึงการซื้อของสดผ่านGrab Mart

ที่ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการธุรกิจ ได้มีการพัฒนาการเชื่อมต่อโปรแกรมประยุกต์ (Application Programing Interface: API) กับซุปเปอร์มาเก็ค สามารถซื้อสินค้าแบบชั่งน้ำหนักได้ ปลดล็อกอีก 40 หน่วยในการจัดเก็บสินค้าของสดในร้านค้าได้