กะเทาะ “เมียนมาร์” หลัง AEC (1)

by ThaiQuote, 13 มกราคม 2559

ยุคประวัติศาสตร์ของพม่า ที่คนไทยรู้จักดี ในนามของ “อาณาจักรพุกาม” อันเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ และเป็นที่มาของอาณาจักรที่ปกครองโดยอาณาจักร และราชวงศ์อื่นๆ ต่อๆ มา คือ อังวะ  หงสาวดี และตองอู จวบจนเข้าสู่ราชวงศ์สุดท้ายคือราชวงศ์ คองบอง และสิ้นสุดที่พระเจ้าธีบอ กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักแห่งนี้ และเข้าสู่ การเป็นประเทศราชของอังกฤษจนเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงเรียกร้องเอกราชโดย “อองซาน” (บิดา ของอองซานซูจี นักต่อสู้ทางการเมืองรางวัลโนเบล) 

                แต่ประวัติศาสตร์พม่า มีความพลิกผัน จากปัจจัยหลากหลาย โดยเฉพาะความเป็น “พหุสังคม” ซึ่งประชากรในประเทศพม่า มีหลากหลายเผ่าพันธุ์ หลากหลายเชื้อชาติ สุดท้ายการเมืองในประเทศพม่า หลังดี้รับเอกราชก็ยังคงติดขัดกับปัญหาการบริหารจัดการประเทศ ในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จนกลายเป็นที่มาของ “สัญญาปางโหลง” (ปางหลวง)  ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มีความเกี่ยวข้องกับชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน

                และการเมืองพม่าจบลงด้วยการรัฐประหารจาก “นายพลเนวิน”  พร้อมๆ กับการฉีก “สัญญาปางโหลง”     ส่งผลให้พม่าอยู่ในสภาพการปกครองในแบบรัฐทหารมาเป็นเวลายาวนาน ก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อของ “สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์”

                “เมียนมาร์” หรือ “พม่า” ที่คนไทยรู้จัก และเป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญของประชาคมอาเซียน มีลักษณะภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยมากที่สุด แต่มีขนาดใหญ่กว่า คือมี พื้นที่กว่า  676,578 ตารางกิโลเมตร มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นประเทศปิดมานาน ประเทศพม่าแบ่งเขตการปกครองในระดับภูมิภาคออกเป็น 7 ภูมิภาค (region) สำหรับพื้นที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์พม่า และ 7 รัฐ (states) ที่มีความเป็นมาและชาติพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป

                เศรษฐกิจหลักของพม่า  จีดีพีของพม่าอยู่ที่ 42,953 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยร้อยละ 2.9 ต่อปี และเศรษฐกิจหลักของพม่า ยังคงพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก แต่หลังจากเข้าสู่ AEC แล้ว พม่าอาจมีรายได้และพึ่งพาอุตสาหกรรมด้านต่างๆ มากขึ้น รวมถึง อุตสาหกรรมที่กำลังจะมีศักยภาพอย่างท่าเรือทวาย รวมถึงแรงงาน และทรัพยากรธรรมชาติที่ยังมีอยู่อีกมหาศาล

ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจฉบับใหม่ และมีการคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของพม่าจะเติบโตถึง 8.3% ในปี 2558-2559 ทั้งนี้มีผลมาจาก การปฏิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่ของพม่าช่วยสนับสนุนให้การเติบโตแข็งแกร่งในปีที่ผ่านๆมาต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้

ด้วยจำนวนประชากรราว 56 ล้านคน และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทำให้พม่าเป็นอีกตลาดใหญ่ทางเศรษฐกิจของอาเซียน ทั้งในด้านทรัพยากรและในด้านอุตสาหกรรม เป็นอีกประเทศหนึ่งใน AEC ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว