จำกัดอายุ 30 ขี่บิ๊กไบค์ เกาถูกที่คันหรือ ???

by ThaiQuote, 19 มกราคม 2559

แม้ว่าการแก้กฏหมายตามแนวทางที่เสนอโดยตำรวจจราจร จะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของหลายฝ่าย แต่ สำหรับกรมการขนส่งทางบกได้เริ่มเดินหน้า  ปรับปรุงหลักสูตรการอบรมและสอบใบอนุญาตขับขี่รถบิ๊กไบค์ให้เป็นหลักสูตรเฉพาะแล้ว   ซึ่งเพิ่มเนื้อหาด้านทักษะการขับขี่เพิ่มเติม ใช้เวลาในการอบรม 4 ชั่วโมง แยกจากการอบรมและสอบใบขับขี่ของรถจักรยานยนต์ทั่วไป คาดว่าจะประกาศใช้หลักสูตรใหม่ได้ไม่เกินกลางปีนี้

                เรื่องของบิ๊กไบค์ หรือรถจักรยานยนต์ ที่มีความจุกระบอกสูบ (ซีซี) มาก กลายเป็นคำถามจากสังคมทั้งเรื่องของความปลอดภัย และเกี่ยวกับแนวโน้ม ของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ประเภทนี้ ที่มีแนวโน้มอายุน้อยลงเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วงว่า “บิ๊กไบค์” จะกลายเป็นพาหนะที่ถูกเด็กแว๊น เอาไปยกระดับ!

                เพราะยังไม่มีมาตรการควบคุมใด ๆ ที่มีบทกำหนดชัดเจน ทั้งทางด้านกฏหมายและในทางปฏิบัติ เกี่ยวกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น และอายุที่น้อยลงของผู้ครอบครองและขับขี่

                พ.ต.อ.อารักษ์ ลิ้มลังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า แนวคิดนี้มาจากในต่างประเทศ ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า รถจักรยานยนต์จะถูกแบ่งออกเป็นรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ในประเทศไทยเองปัจจุบันมีการกำหนดให้ทำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ตั้งแต่อายุ 15-18 ปี ขับขี่ได้ไม่เกินความจุ 110 ซีซี และอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่มีกำหนด ซีซี  ที่เป็นตัวกำหนดขนาดของรถจักรยานยนต์


                เหตุผลประการสำคัญของข้อเสนอการกำหนดอายุผู้ที่จะขับบิ๊กไบค์ เนื่องมาจากสมรถนะของรถบิ๊กไบค์นั้นสูงมาก ทำความเร็วได้สูงและมีน้ำหนักมาก ซึ่งมีความกังวลว่า ไม่เหมาะสำหรับ วัยรุ่นและเยาวชน เนื่องจากวุฒิภาวะ ยังมีไม่เพียงพอ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ถนนสาธารณะร่วมกับยานพาหนะประเภทอื่น

                “แนวคิดนี้ของตำรวจเน้นให้เกิดความปลอดภัย และการใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย ป้องกันการใช้ยานพาหนะไปในทางที่เสี่ยงอันตราย” รองผู้บังคับการตำรวจจราจร

                พลันที่มีแนวคิดเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว ข้อมูลจากกระแสโซเชียลก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่ม Change.org ขอรายชื่อเพื่อร่วมรณรงค์ให้พิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับ การขอใบอนุญาตขับขี่รถประเภทบิ๊กไบค์ โดยมีเหตุผลมาจากปัจจุบันประชาชนได้มีการใช้จักรยานยนต์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นจำนวนมากหรือบิ๊กไบค์  โดยมีขนาดพิกัดตั้งแต่ 300 ซีซี เป็นต้นไป ขณะเดียวกันก็มีข่าวการเสียชีวิตจากบิ๊กไบค์  มากตามเช่นกัน แต่การสอบใบอนุญาตขับขี่ยังเป็นการทดสอบเดิม ๆ อยู่ ซึ่งบางคนได้ใช้รถในการสอบ 100 ซีซี หรือ รถเล็กในการสอบ ซึ่งต่างจากต่างประเทศ ในการสอบใบอนุญาตขับขี่นั้นแบ่งตามขนาดความจุเครื่องยนต์ จะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบันมีข่าวการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุของบิ๊กไบค์ปรากฏในข่าวตามสื่อต่างๆแทบจะไม่เว้นในแต่ละวัน

พร้อมเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องจัดทำการสอบใบขับขี่โดยเฉพาะของมอเตอร์ไซค์ใหญ่หรือ บิ๊กไบค์ โดยผู้ที่จะทำการสอบต้องอบรมทักษะในการบังคับมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่เสียก่อนกับผู้ชำนาญการ หรือสถาบันที่ทำการเปิดสอนหลักสูตรการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ และนำมาประกอบกับการขออนุญาตใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ใหญ่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองและความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนคนอื่นๆต่อไป

ข้อถกเถียงบนสังคมโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ไม่ได้ถกเถียงกันถึงประเด็นเกี่ยวกับอันตรายอันเกิดจากสมรรถนะของรถบิ๊กไบค์และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่เรื่องของการกำหนดอายุไว้ที่ 30 ปี กลับกลายเป็น“ทอล์คออฟเดอะทาวน์”ว่าเหมาะสมหรือไม่? โดยตั้งคำถามไว้ว่า แนวคิดการจะระบุให้บุคคลต้องมีอายุ 30 ปี จึงจะขอใบอนุญาตบิ๊กไบค์ “ตึงเกินไปหรือไม่?” ซึ่งในข้อถกเถียงเรื่องนี้ เป็นเหตุเป็นผลที่น่าคิดน่าฟังไม่ใช่น้อย และเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายควรหาบทสรุปที่ลงตัวก่อนที่จะนำเสนอหรือ จะพิจารณาในข้อคิดเห็นถัดๆไป

เรื่องของบิ๊กไบค์ ถ้าจะป้องกันปัญหา และอันตรายที่จะตามมา อาจเป็นเรื่องที่สังคมส่วนใหญ่มองเห็นปัญหาไม่ต่างกัน แต่การจะนำเสนอวิธีทางแก้ปัญหา ก็ควรใช้แนวทาง “สายกลาง” เป็นทางนำ อย่าให้ “ตึง” และ “หย่อน” เกินไป เพราะการจะแก้ปัญหาก็ต้องพึงเคารพในสิทธิของบุคคลอื่นๆ ที่มีอายุเกิน 18 ปีขึ้นไป จนถึงคนที่มีอายุ 29 ปีด้วย ส่วนจะเหมาะสมตรงอายุเท่าไหร่ เรื่องนี้สังคมคงต้องหันมาช่วยกันพิจารณา