“ลุงตู่” ชูระบบขนส่งมวลชนฐานรากประเทศ

by ThaiQuote, 12 กุมภาพันธ์ 2559

ประเด็นก็คือ สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการโดยการปฏิรูปประเทศและวางแผนยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะเวลา 20 ปี โดยระยะแรกคือการกำหนดยุทธศาตร์ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 เพื่อเป็นการปูแนวทางการพัฒนาประเทศในกับรัฐบาลในอนาคต

               ถัดมาเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะต้องเริ่มต้นจากการสร้างรายได้ให้กับประชาชน การเริ่มต้นจากการสร้างความเข้มแข็งภายในชาติ ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศในกลุ่ม CMLV ประเทศในกลุ่มอาเซียน และตลาดโลก

               ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศนั้นคือ การสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานด้านการคมนาคมระบบขนส่งมวลชนให้เกิดความสมบูรณ์ขึ้น โดยเริ่มจากระบบราง การเชื่อมโยงรถไฟ-  รถไฟฟ้า รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า รถรางไฟฟ้าล้อยางเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการจราจร  วางโครงสร้างพื้นฐานการจัดระเบียบวางผังเมือง การขยายเมืองสร้างสังคมเมืองใหม่ขึ้น ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ในระยะยาวรวมถึงการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนระหว่างกรุงเทพ หัวเมืองต่างๆ  และระบบบริการสาธารณะที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชน ทั้งที่จอดรถ ที่พักคอย อาทินโยบายการสร้างที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งอาจจะให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนร่วมด้วยเพื่อลดภาระของรัฐบาล

               ขณะที่โครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทางในกทม.กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างมีบางส่วนที่แล้วเสร็จแล้วอย่างโครงการสายสีม่วงบางใหญ่ เตาปูน จะเปิดให้บริการได้ในเดือน ส.ค. 59 นี้ ส่วนโครงการอื่นๆ จะทยอยแล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนในพื้นที่กทม.ได้เสร็จสมบูรณ์ใน สิ้นปี 63

              ส่วนการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่กว่า 4,000 ก.ม. จะต้องมีการสร้างโดยเฉพาะในเส้นทางสำคัญทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการขนส่งสินค้าขนาดหนัก  เพื่อสะดวกในการขนส่งคนระหว่างเมือง มี 2 เส้นทาง โดยเส้นทางที่จะเริ่มก่อสร้างในเดือน ธันวา 58  ถึงต้นปี 59 ได้แก่ ช่วงฉะเชิงเทรา คลอง 19 – แก่งคอย คาดว่าแล้วเสร็จปี 61 และช่วงชุมทางถนนจิระ ขอนแก่น แล้วเสร็จปี 62  กับอีก 4 เส้นทาง ที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงาน EIA คือ ช่วงประจวบคิรีขันธ์ ชุมพร, มาบกะเบา ชุมทางถนนจิระ, นครปฐม หัวหิน ,ลพบุรี ปากน้ำโพ จากนั้นก็จะนำเสนอ ครม. เมื่อผ่านการทำประชาพิจารณ์แล้ว ให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป

              นอกจากนี้ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง ในความร่วมมือไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ แก่งคอย จะให้บริการขนส่งผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว และ ส่วนช่วงหนองคาย นครราชสีมา, นครราชสีมา แก่งคอย และแก่งคอย มาบตาพุด บริเวณท่าเรือ/นิคมอุตสาหกรรม จะให้บริการขนส่งทั้งประชาชนและสินค้าด้วย  

              เรื่องที่ 2 โครงการความร่วมมือรถไฟไทย ญี่ปุ่น ระยะทางรวม 672 กิโลเมตร ช่วง กรุงเทพฯ เชียงใหม่  อยู่ระหว่างทำการศึกษาโครงการ คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จ ในเดือน มิ.ย. 59

               เรื่องที่ 3 โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงทุนร่วม กับภาคเอกชน หรือ PPP Fast Track จำนวน 2 โครงการ 2 เส้นทาง คือ ช่วงกรุงเทพฯ หัวหิน 211 กิโลเมตร และ กรุงเทพฯ พัทยา ระยอง 193 กิโลเมตร

               เรื่องต่อไปคือเรื่องโครงการพัฒนารถไฟฟ้าคือ รถที่ใช้แบตเตอรี่เป็นรถไฟฟ้าเพื่ออนาคตซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการศึกษาค้นคว้าวิจัยถึง โอกาสในการพัฒนาส่วนประกอบต่างๆก่อน  และการจัดหารถโดยสารไฟฟ้า 500 คัน มาใช้ในส่วนของ ขสมก. ซึ่งอาจเป็นการเช่าก่อน 200 คัน คาดว่าจะได้รับรถในปี 60

               อันดับต่อไปคือเรื่องการออกแบบสถานีต่างๆ  ซึ่งควรเป็น อารยสถาปัตย์ และคำนึงถึงการรองรับการเดินทางของผู้พิการ ผู้ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิต ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ตำรวจ-ทหารผ่านศึก สตรีมีครรภ์ และเด็กเล็กด้วย

               ถัดมาที่โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ สายพัทยา มาบตาพุด สร้างแล้วเสร็จปี 62, สายบางปะอิน นครราชสีมา ลงนามสัญญาก่อสร้าง เม.ย. 59  แล้วเสร็จปี 63 และ สายบางใหญ่ กาญจนบุรี จะลงนามสัญญาก่อสร้าง ก.ค. 59  และกำหนดเสร็จปี 63 เช่นกัน

              นอกจากนี้ในระหว่างวันที่ 1418 ก.พ. นายกฯจะมีภารกิจเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน สหรัฐฯ  สมัยพิเศษ ณ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

               สุดท้ายนายกฯยังได้ฝากถึงวัยรุ่นและเยาวชนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซึ่งเป็น วันแห่งความรักว่าขอให้ระมัดระวังตัวเอง ผู้หญิงต้องระวังตัว มีคุณค่า ส่วนผู้ชายก็ต้องให้เกียรติผู้หญิง พร้อมย้ำขอให้ รู้ รัก สามัคคี