ดึง“แจ็กหม่า” อาลีบาบา -หัวเหว่ย พี่เลี้ยง พร้อมเปิดโลกธุรกิจไทยสู่อนาคตแห่งยุค 4.0

by ThaiQuote, 22 ตุลาคม 2559

อ้ายจงจากเว็ปไซต์ Xinhuanet ได้เขียนวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยสรุปเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างสองประเทศที่น่าจับตามองไว้ 9 ข้อว่า การเดินทางมาของ แจ็ค หม่า ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศดังนี้

1. ช่วยเหลือและผลักดันเกี่ยวกับ E-commerce ในไทย ข้อนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญเลย เพราะรู้กันว่าแจ็คหม่าและกลุ่มบริษัทอาลีบาบาของเขา เป็นยักษ์ใหญ่ด้านนี้ของจีนและของโลกในขณะนี้ เขามีแผนที่จะจ้างคนไทยประมาณ 30 คนเพื่อไปทำงานและเรียนรู้งานในสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา ระยะเวลา 1-2 ปีเพื่อให้กลับมาถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากอาลีบาบาให้กับคนไทย โดยเน้นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่โดยเฉพาะ SMEs

2. ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะส่งมาขายที่จีน

3.เปิดเขตการค้าเสรีไทย – จีนสำหรับSMEs

4.พัฒนานโยบายการนำเข้าส่งออกสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยเน้นการขนส่งโลจิสติกส์ และ E-payment

5.ผลักดันสินค้าการเกษตรของไทยให้สู่ตลาดจีนและตลาดโลกโดยผ่านช่องทางการค้าขายออนไลน์

ส่วนในเรื่องที่ 6. คือการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ E-commerce ในพื้นที่ชนบทของไทย โดยสืบเนื่องจากข้อ 5 เพราะส่วนใหญ่ในพื้นที่ชนบทของไทย ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร

7.ผลักดันE-payment ให้เกิดขึ้นในไทย

8.ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวไทยสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้มาเที่ยวในไทยมากขึ้น โดยแจ็คหม่า เน้นย้ำเรื่อง E-payment โดยเฉพาะ Alipay ของเขา ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนสะดวกสบายและมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเมื่อมาเที่ยวที่ไทย

อาลีบาบา มีบริการในเครือที่มีชื่อว่า Alitrip.com (阿里旅行)ในอนาคตก็สามารถใช้ช่องทางนี้เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในจีน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้นโดยแจ็คหม่าเผยว่าเขาในนามของอาลีบาบา อยากมีส่วนร่วมในการช่วยไทยคัดกรองคุณภาพนักท่องเที่ยวด้วย

และ 9. แจ็คหม่ามีความสนใจในแผนประเทศไทย 4.0 ของไทย โดยเขาจะเข้ามาช่วยพัฒนาและทำให้แผนการนี้เป็นจริง

สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ ดร.สมคิด รองนายกรัฐมนตรีของไทยที่เดินทางไปมอบนโยบายและตรวจงานที่กระทรวงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา ที่เตรียมประสานความร่วมมือผ่าน ดร.อุตม สาวนายน อดีตรมว.ไอซีที ที่จะเชื่อมประสานความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่าง หัวเหว่ย ที่ปักกิ่ง และ อาลีบาบา ที่หังโจว ในด้านดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซ โดยเน้นผู้ประกอบการไทยทั้ง SMEs และกลุ่ม START – UP

จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีของภาคธุรกิจไทยที่จะขยับเข้าสู่อนาคตแห่งการค้าในโลกยุค 4.0 ได้รวดเร็วผ่านพี่เลี้ยงและความร่วมมือภาคเอกชนชั้นนำระดับโลกของจีน ที่จะทั้งเปิดเส้นทางความร่วมมือครั้งสำคัญของสองประเทศ นำไปสู่การขับเคลื่อนภาคธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย รวมถึงยังจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยครั้งสำคัญที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง

 

เครดิตภาพ- บทความ  จาก อ้ายจง

https://www.facebook.com/aizhongchina/ 
https://www.facebook.com/aizhongchina/posts/876975329100698