“มันสมองก้อนโต” ร่วมขับเคลื่อน “พลังประชารัฐ”

by ThaiQuote, 2 ตุลาคม 2561

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประเดิมตำแหน่งวันแรกด้วยการนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม โดยได้ขอให้ทุกส่วนงานร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนงานของ คสช.ให้บรรลุผลสำเร็จเหมือนเช่นที่ผ่านมา พร้อมกับได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องในโครงการภาครัฐที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะโครงการ "ไทยนิยม ยั่งยืน" ซึ่งรัฐบาลกำลังขยายผลโครงการต่อจากที่ได้ดำเนินการไว้แล้ว “ไทยนิยมยั่งยืน เป็นนโยบายที่ดี ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินและช่วยเหลือเกษตรกร สร้างประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อประเทศเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ ยังให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยยังคงร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการ สื่อสารสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของแต่ละพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป รวมถึงแนวทางที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวมมีความสอดคล้องและเอื้ออำนวยต่อการเตรียมการของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง” ในความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของ “บิ๊กแดง” ทำให้หลายฝ่ายเชื่อมั่นได้ว่า “โรดแมปการเลือกตั้ง” น่าจะปักหมุดสู่ศึกเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 น่าสนใจตรงที่การออกมาขันนอตบรรดาพรรคการเมืองอย่าได้พยายามแหกกฎ ซึ่งจะนำไปสู่ความวุ่นวาย ซ้ำยังกำชับให้ทุกภาคส่วนสนับสนุนนโยบายประชารัฐอย่างเต็มสรรพกำลังอีกด้วย ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่าน พรรคการเมืองหลายพรรคพร้อมใจกันเปิดประชุมใหญ่ประจำปี 2561 หลังจากที่มีการคลายล็อกการเมือง ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ เพื่อไทย แต่ที่มีการจับตามองเป็นพิเศษเห็นจะเป็นการเปิดตัวของพรรคประชารัฐ ซึ่งมีรัฐมนตรี 4 คนร่วมเปิดตัวกันอย่างคึกคักเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ไล่เรียงกันไปใครเป็นใครใน พรรคพลังประชารัฐ เริ่มจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม, เลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์, เหรัญญิกพรรค นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรม, นายทะเบียนสมาชิก นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ และอดีตปลัดฯมหาดไทย, กรรมการบริหารพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายณัญฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกรัณย์ สุทธารมณ์ ทายาทโรงแรมรอยัล ไดมอน เพชรบุรี และประธานเครือข่าย Biz clubThailand นายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม, นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัททีเอสฟลาวมิลล์จำกัด (มหาชน) (TMILL)และประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกคนใหม่ นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานกรรมการบริหารสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, นางนฤมล สอาดโฉม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริงจำกัด (มหาชน) IEC, ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, นายวิเชฐ ตันติวานิช อดีตรองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอดีตผู้บริหาร Money Channel, นายชาญวิทย์ วิภูศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ภัทร เฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)และอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสหกรรมและอดีตรองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ดและอดีต รมช.ศึกษาธิการ, นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ผจก.เพชรล้านนาฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์ ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคชาติไทยพัฒนา, น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเรคเตอร์ของแบรนด์ D.O.C. (ดีโอซี), นายสราวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย และประธานสโมสรชัยนาท ฮอร์นบิล เห็นบัญชีรายชื่อผู้ที่ร่วมลงเรือพลังประชารัฐแล้วต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” รมต. นักการเมืองจากพรรคต่างๆ รวมถึงนักวิชาการและนักธุรกิจแถวหน้า เรียกว่าครบเครื่อง นี่แค่น้ำจิ้ม เชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ตามมาอีกในช่วงที่มีความชัดเจนทางการเมืองมากกว่านี้อย่างแน่นอน ในขณะที่ 2 ขั้วอย่างประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย แม้ระฆังศึกเลือกตั้งยังไม่ลั่นออกมา แต่ปรากฏว่าเกิดวิวาทะกันชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันเสียแล้ว สอดรับกับผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ซึ่งประชาชนอยากให้มีการเลือกตั้ง แต่ยังวิตกกังวลว่าจะเกิดการทะเลาะเบาะแวงของเหล่านักเลือกตั้ง และบ้านเมืองจะกลับไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้งเช่นในอดีต จุดสมดุลแห่งอำนาจจึงเหวี่ยงไปตกที่พรรคพลังประชารัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผล 4 รมต.ที่กำลังดูแลงานด้านเศรษฐกิจภายใต้การนำของรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยปักธงไว้ที่คนฐานราก นโยบายประชารัฐ ที่หลายคนอาจดูแคลน 300-500 บาทต่อเดือน แต่สิ่งเหล่านี้มีค่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช ฯล บัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือคีย์การ์ดให้คนเหล่านี้เข้าถึงได้ “การสานต่อแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี” คือโจทย์ที่ท้าทายของประเทศไทย ซึ่งอดีตรัฐบาลประชาธิปไตยหลายยุคสมัยไม่เคยที่จะวางแผนระยะยาวเช่นนี้มาก่อน ทำให้ไทยเราถูกเพื่อนบ้านอย่งามาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่มีแผนพัฒนาประเทศในระยะยาวก้าวแซงไทยไปหลายขุม สำคัญที่สุดก็คือพรรคการเมืองที่ผลักเปลี่ยนก้าวสู่อำนาจ มักจะปฏิเสธไม่สานต่อนโยบายของอดีตรัฐบาลที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม แม้โครงการหรือนโยบายนั้นจะดีต่อบ้านเมืองและประชาชนอย่างไรก็ตาม การเอาชนะทางการเมืองคือปัจจัยหลักที่ใหญ่กว่าความถูกต้องชอบธรรม ส่งผลให้บ้านเมืองจมปรักอยู่กับที่สมการแห่งความขัดแย้งนี้ เชื่อว่า “มันสมองก้อนโต” ที่ประกาศร่วมขับเคลื่อน “พลังประชารัฐ” จะสามารถก้าวข้ามผ่านความขัดแย้ง สร้างสิ่งใหม่ พัฒนาต่อยอดนโยบายที่ดีอยู่แล้วให้แข็งแกร่งขึ้น โดยไม่ถือเขาถือเราได้หรือไม่ จึงเป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง “บิ๊กโอ”     ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.thaiquote.org/content/47632 https://www.thaiquote.org/content/47637