โฆษกบอกเสียใจกับเพลง “ประเทศกูมี” ทวิตเตอร์โต้กันมัน

by ThaiQuote, 26 ตุลาคม 2561

เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 26 ตุลาคม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเพลงแร็พ “ประเทศกูมี” ในโซเชียลมีเดีย ว่า รัฐบาลรู้สึกเสียใจในเรื่องนี้ เพราะคิดว่าเยาวชนน่าจะใช้ความรู้ความสามารถด้านดนตรีในทางที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ต่อแผ่นดินเกิดของตัวเองมากกว่านี้ รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนคนอื่น ไม่อยากให้คนคิดว่าทำแบบนี้แล้วเท่ เป็นเรื่องดี หรือเป็นเรื่องสนุก ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเยาวชนที่ทำคลิปดังกล่าว ทำเพราะความตั้งใจของตัวเองหรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ และขอฝากเตือนไปว่า คนที่เสียหายที่สุดไม่ใช่รัฐบาล แต่คือประเทศไทย

“คลิปเผยแพร่ไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในคลิปมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ ผมเห็นเนื้อหาเหมือนต่อว่ารัฐบาล แต่สุดท้ายคนที่เสียหายมากที่สุดคือประเทศไทย อาจจะได้รับความสนุกสนาน สะใจในการใช้ข้อมูลตอบโต้หรือกล่าวว่ารัฐบาล แต่อยากให้ดูว่าสุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่เสียหายมากที่สุดคือประเทศไทย” รองเลขาฯนายกฯกล่าว

          

นายพุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีหลายฝ่ายสอบถามรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร ซึ่งตนเชื่อว่ามีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่ติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ในส่วนรัฐบาล เรารู้สึกเสียใจ เพราะสุดท้ายประเทศไทยต้องรับทุกอย่าง ประเทศไทยเป็นประเทศของเราเอง จึงไม่อยากให้เยาวชนทำร้ายประเทศไทยอีกแล้ว

เมื่อถามว่า จะมีการสั่งห้ามเข้าถึงคลิปดังกล่าวหรือไม่ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า การเผยแพร่คลิปในโซเชียลมีเดียสามารถไปได้หลายทาง แม้เราจะปิดต้นตอ แต่ภาพที่ออกไป แต่ละคนก็สามารถแชร์ต่อได้ การควบคุมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จากการตรวจสอบเชิงเทคนิค ทำให้รู้ได้ว่าคลิปมีที่มาจากแหล่งใด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำคลิป หรือคลิปมาจากที่ใด ประเทศไทยคือผู้ที่เสียหาย

สำหรับเพลง "ประเทศกูมี" เป็นเพลงแร็พที่แต่งและร้องโดย กลุ่มนักร้องเพลงแร็พ Rap Against Dictatorship (แร็พต่อต้านเผด็จการ) โดยใช้นามแฝง อาทิ Jacoboi, Liberate P และ ET ซึ่งมีแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเสรีนิยม (Liberal) เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2561 โดย เอ็ม.วี.ใช้ฉากหลังจำลองเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ที่กลุ่มผู้ประท้วงใช้เก้าอี้พับตีร่างของนักศึกษาที่ชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีออกนอกประเทศในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16

         

กลุ่ม Rap Against Dictatorship ให้สัมภาษณ์กับ วอยซ์ออนไลน์ สถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี ของนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร ว่า เพลงนี้มีแร็พเปอร์ 10 คนร่วมกันเขียนเนื้อร้อง ธีมหลักคือต่อต้านเผด็จการ แล้วพูดถึงว่าประเทศมีอะไรในสายตาของแร็พเปอร์แต่ละคน และอ้างว่าตั้งใจรวบรวมคนที่คิดไม่เหมือนกันเข้ามาอยู่ในเพลงนี้ ซึ่งมีจุดร่วมกันคือไม่เอาเผด็จการ โดยกลุ่ม Rap Against Dictatorship เป็นโปรเจ็กต์ที่อยากให้คนพูดเพลงการเมืองเข้ามาร่วมงาน ซึ่งซิงเกิลต่อไปอาจจะมีศิลปินหมุนเวียนมา

          

ส่วนที่ถามว่าเพลงนี้สุดโต่งไปหรือไม่ พวกเขากล่าวว่า ไม่ได้สุดโต่งขนาดนั้น อ้างว่าประนีประนอมอย่างมากแล้ว โดยตั้งเป้าไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูประชาชนด้วยกันเอง แต่พูดถึงอำนาจรัฐเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นคนฝั่งไหน และอ้างว่าคนที่มองว่าสุดโต่งนั้นกลัวเกินเหตุ มั่นใจว่าเพลงนี้ไม่มีอะไรเกินกว่ากฎหมาย เท่ากับว่าคนในประเทศนี้ถูกจัดตั้งให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ปกติ ส่วนอำนาจรัฐจะมองว่าสุดโต่งหรือไม่ก็ช่างเขา เนื้อหาในเพลงใครเขาก็ด่ากัน แต่ถ้าเอาเนื้อหาแต่ละคนไปค้นหา จะพบว่ามีทุกประเด็นที่คนพูดถึงไปหมดแล้ว

          

ในตอนหนึ่ง พวกเขากล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักที่ออกเพลงนี้ คือ อยากให้วัยรุ่นและวัยทำงานหันมาสนใจเรื่องบ้านเมือง ซึ่งการใช้ดนตรีสื่อสารเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย ทุกคนทำได้ สามารถเอาไปทำตามได้ อย่างไรก็ตาม ในตอนจบของเอ็ม.วี. ที่ใช้ประโยคว่า All People Unite ในโลกประชาธิปไตยคนสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เราเก็บพื้นที่เอาไว้ตีกันเอง แต่เราสามัคคีกันไม่ให้อำนาจอื่นเข้ามาแทรกในอำนาจประชาชน ในความแตกต่างหลากหลายเข้ามาตีกันเองได้ แต่ไม่ใช่ให้อำนาจรัฐเผด็จการเข้ามาควบคุมในส่วนนี้

พวกเขากล่าวว่า ตอนนี้มีพื้นที่ทางการเมือง ทำเพลงแร็พการเมืองขึ้นมาได้ ก็อยากให้ทุกคนที่มีอะไรในใจอยากจะพูด ช่วยกันพูดออกมา เพราะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่น่ากลัวเพราะมีจำนวนน้อย อีกทั้งไม่จำเป็นต้องผูกขาดคนใดคนหนึ่ง ปัญหาสำคัญก็คือ ต้องพูดในแง่จับไปที่โครงสร้างของมันได้ สิ่งหนึ่งที่อยากจะเสนอคือ ให้คนที่ทำงานและสื่อสารด้านศิลปวัฒนธรรมสนใจเรื่อง Freedom of Speech (เสรีภาพในการพูด) ถ้าไม่สนใจจะไม่รู้ว่าประเด็นที่พูดได้อย่างปลอดภัยในตอนนี้ อนาคตอาจจะเป็นสิ่งที่ห้ามพูดเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่รักษาไว้ ถือเป็นสามัญสำนึกพื้นฐานที่ศิลปินทุกแขนงร่วมกันได้

โดยหลังจากเพลงนี้ได้ออกมาเผยแพร่และกระจายไปยังโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ปรากฏว่ามีการวิพากษ์อย่างกว้างขวางหนึ่งในนั้นประกอบด้วย นางศศิวิมล อยู่คงแก้ว หรือ คุณเอื้อย ซึ่งเป็นภริยาของพล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้วผบ.หน่วยซีลได้โพสต์แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก Sasivimon Youkongkaew

         

โดยระบุว่า "ประเทศกูมี" เรื่องราวดีๆ มากมาย ทำไมไม่เอามาพูด ฟังแล้วเดือด มันล้างสมองด้วยเสียงเพลง เกมการเมืองยุค 4.0 อย่างไรก็ตาม ต่อมาได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า เพลงนี้เกิดจากทัศนคติลบ มองโลกแคบ ชอบดูถูกประเทศตัวเอง ขณะที่บางความคิดเห็นแย้งว่า มีตรงไหนที่เพลงไม่ได้พูดความจริงบ้าง เป็นต้น

ประเทศกูมี ทวิตเตอร์อันดับ 1 ศศิวิมล อยู่คงแก้ว พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ Rap Against Dictatorship