ปชป.จี้ตรวจสอบ ผู้ว่าฯ เมืองคอน เกณฑ์คนรับนายกฯ ลงพื้นที่

by ThaiQuote, 18 มีนาคม 2562

รองโฆษก ปชป.เผยเอกสาร ผู้ว่าฯ สั่งเกณฑ์คน 2 หมื่น ต้อนรับคณะนายกฯ ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช จี้ กกต.ตรวจสอบด่วน ใช้เวลาราชการทรัพยากรรัฐ แอบแฝงหาเสียง

 

นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเอกสารราชการลงวันที่ 13 มีนาคม 2562 ลงนามโดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่อง ขอเชิญร่วมต้อนรับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ เดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อนปาบึกที่ทำถึงหัวหน้าส่วนราชการส่วนภูมิภาค หัวหน้าส่วนราชการส่วนกลาง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกส่วนราชการ

มีเนื้อหาเชิญเข้าร่วมต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ ที่จะเดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันนี้ (18 มีนาคม 2562) พร้อมแนบร่างกำหนดการ รวมถึงยังมีบัญชีมอบหมายภารกิจเชิญกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมกิจกรรม "งานมหกรรม มอบความสุข สร้างอาชีพ เสริมรายได้ หลังภัยปาบึก"

มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเกณฑ์คนไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะที่จะเดินทางไปตรวจราชการ ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีการตั้งเป้าหมายระดมคนให้ได้ 20,000 คนจาก ทั้งหมด 13 อำเภอซึ่งมีรายละเอียดบัญชีมอบหมายภารกิจ ในแต่ละอำเภอ อย่างชัดเจนว่าจะ ให้จัดคนจำนวนเท่าไหร่เช่น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช 3,500 คนปากพนัง 1,500 คนและทุ่งสง 1,200 คน เป็นต้น มาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน


โดยระบุว่า ไม่ได้มีแค่การระดมคนให้ไปต้อนรับ นายกรัฐมนตรีซึ่งปัจจุบันเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดแพร่ ตามเอกสาร ที่ปรากฏก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่ทราบมาว่าช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้งจะมีการเกณฑ์คน ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีทุกพื้นที่ที่อ้างว่าไปตรวจราชการ เช่น ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามเอกสารที่ได้นำมาเผยแพร่มีการระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเกณฑ์มากถึง 20,000 คน ผิดวิสัยของการไปตรวจราชการตามปกติ

อีกทั้งยังมีการจัดเวทีในลักษณะให้นายกรัฐมนตรีปราศรัยกับประชาชน ไม่แตกต่างจากเวทีปราศรัยของพรรคการเมือง เพียงแต่หลีกเลี่ยงไม่มีชื่อพรรคการเมืองอยู่ในเวทีเท่านั้น


พฤติกรรมเช่นนี้ กกต.ต้องตรวจสอบ เพราะพลเอกประยุทธ์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองด้วย การกระทำเช่นนี้เข้าข่ายใช้เวลาราชการ ทรัพยากรของรัฐ และงบประมาณของรัฐ เพื่อการหาเสียงแอบแฝงช่วยพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่

เนื่องจากในขณะนี้พรรคพลังประชารัฐหาเสียงว่าให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้พลเอกประยุทธ์ทำงานต่อ จึงแยกไม่ออกระหว่างภารกิจของรัฐบาลกับนโยบายของพรรคในขณะนี้ อีกทั้งคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านการใช้กลไกราชการครั้งนี้จะมีผลในเชิงบวกโดยตรงกับพรรคพลังประชารัฐ

การกระทำของพลเอกประยุทธ์ จึงอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 78 ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายกระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง

แม้จะมีข้อยกเว้นมิให้หมายความรวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติที่พึงต้องปฏิบัติในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐก็ตาม แต่การใช้ราชการเกณฑ์คนเพื่อไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะตามรายละเอียดข้างต้น เป็นการกระทำที่เกินกว่าวิสัยการปฏิบัติหน้าที่ปกติ

อีกทั้งเป็นช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรคพลังประชารัฐด้วย จึงเป็นเรื่องที่ กกต. ต้องเร่งตรวจสอบ ชี้ขาดว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ และหยุดยั้งพฤติกรรมนี้ก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อหลักการจัดเลือกตั้งที่ต้องเสรีและเป็นธรรม ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตให้มีผู้นำมาเป็นเหตุโต้แย้งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมา

ซึ่ง กกต. สามารถพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้อง เพราะเมื่อเรื่องนี้เผยแพร่สู่สาธารณะก็ถือว่าความปรากฏต่อ กกต. แล้ว เหมือนกับที่ กกต.มีมติให้สำนักงาน กกต.ตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีแกนนำอดีตพรรคไทยรักษาชาติรณรงค์โหวตโน และเทคะแนนให้ผู้สมัครพรรคการเมืองอื่น หาก กกต. ไม่ดำเนินการก็จะถูกกล่าวหาว่าสองมาตรฐาน และจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชน

"อยากเรียน กกต. ทั้ง 7 ท่าน ว่าอย่าเอาเกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ท่านมีมาเสี่ยง โดยขอให้ดูบทเรียน กกต. ยุคสามหนาห้าห่วงที่ต้องติดคุก 2 ปี จากการประวิงเวลาคดีที่พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งมาเป็นอุทาหรณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ต้องเป็นไปโดยอิสระและเที่ยงธรรม ตรวจสอบทุกพรรคอย่างเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาถูกดำเนินคดีอาญา แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือจะทำให้บ้านเมืองเสียหายเกินกว่าจะเยียวยาได้" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

นายเชาว์ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่า หากไม่มีส่วนรู้เห็น ต้องรีบระงับยับยั้ง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ถ้าปล่อยปละละเลยก็แสดงว่ารู้เห็นเป็นใจ ซึ่งกำหนดการที่จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดตากในวันที่ 19 และฉะเชิงเทราในวันที่ 20 มีนาคม เชื่อได้ว่าจะมีผู้ไปต้อนรับเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างจากที่เชียงราย แพร่และนครศรีธรรมราช

เพราะมาจากการใช้กลไกราชการเกณฑ์ประชาชนเหมือนกัน จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีพึงระลึกไว้ด้วยว่า คนที่เดินทางมาจำนวนมาก ไม่ได้สะท้อนถึงคะแนนนิยมในตัวท่านโดยธรรมชาติ แต่เป็นการจัดตั้ง เพราะไม่เช่นนั้นอาจหลงระเริงกับการปั้นแต่ง จนมองไม่เห็นความจริงซึ่งจะเป็นภัยต่อตัวท่านในที่สุด

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากจะพบปัญหาการใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการเกณฑ์ประชาชนแล้ว ยังพบปัญหาการเก็บบัตรประชาชนในหลายพื้นที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งในกรุงเทพฯ โดยมีข้าราชการทหาร ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ กกต. ในแต่ละพื้นที่ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

การทำการเมืองเช่นนี้ ไม่แตกต่างอะไรกับพรรคไทยรักไทยในระบอบทักษิณที่เคยทำในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลไกราชการเป็นเครื่องมือในการแสวงหาอำนาจ ไปจนถึงการดูด อดีต ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองไปไว้ในสังกัด ไม่เว้นแม้กระทั่งอดีตนักการเมืองที่มีปัญหาเรื่องทุจริต ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถปฏิรูปการเมืองได้แล้ว ยังทำให้การเมืองถอยหลังเข้าคลองกลับสู่ยุคทำทุกอย่างเพื่ออำนาจโดยไม่สนความถูกต้องและกฎหมาย

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“สมศักดิ์” เปรียบตอนนี้เหมือนมวยยก 5 เกมยังสูสี