คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 349 คน ขาดเพียงเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผู้ซึ่งได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุดถูก กกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 26 พ.ค.นี้

ส่งผลให้ตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หายไป 1 ที่นั่ง เหลือเพียง 136 ที่นั่ง จากเดิมได้ 137 เสียง  จำนวนนี้มีพรรคการเมืองเกิดใหม่ได้ที่นั่ง ส.ส.เขตในสภาถึง 137 ที่นั่ง จาก 4 พรรคการเมือง  
 
พรรคเพื่อไทย              136  ที่นั่ง

พรรคพลังประชารัฐ       97  ที่นั่ง

พรรคประชาธิปัตย์         33  ที่นั่ง

พรรคภูมิใจไทย             39   ที่นั่ง

พรรคอนาคตใหม่          30   ที่นั่ง

พรรคชาติไทยพัฒนา      6  ที่นั่ง

พรรคประชาชาติ            6   ที่นั่ง

พรรคชาติพัฒนา            1  ที่นั่ง

พรรคร่วมพลังประชาชาติไทย 1 ที่นั่ง
 
ทั้งนี้ นายแสวง ได้ชี้แจงเรื่องการทำงานของ กกต.ที่ใช้เวลาพิจารณานานแต่สุดท้ายรับรอง ส.ส.เกือบทั้งหมดว่า ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะพิจารณาสั่งตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ เช่น ให้ใบส้มได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องคำร้องต่างๆ เช่น เรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. มีผู้มาร้องเกือบ 50 ราย บางรายเพิ่งมาร้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติ และต้องเปิดโอกาสให้มีการชี้แจง มีกระบวนการพิจารณาจึงต้องใช้เวลาพอสมควร

แม้ กกต.จะประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. เขต เกือบทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เพราะเป็นเพียงการพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งกระบวนการสืบสวนและรวบรวมหลักฐานตามคำร้องของ กกต.ยังไม่ยุติ  กกต.ยังมีอำนาจเอาผิด ส.ส. ในภายหลังได้ หากพบการกระทำความผิด  

ต่อกรณีที่มีข้อสงสัยว่า เมื่อรับรองผลไปแล้วอาจจะมีการสอยทีหลังหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ตามกฎหมายถ้าพบว่าผิดหลังจากนี้จะเป็นการส่งให้ศาลเป็นผู้พิจารณา

ทั้งนี้ การประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ / กกต.ยังต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องที่ให้วินิจฉัยวิธีการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตีลิสต์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91 หรือไม่  ซึ่งศาลนัดวินิจฉัยในวันที่ 8 พ.ค.นี้  และไม่ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร กกต. ยืนยันว่า มีแผนสำรองไว้ทุกด้านแล้ว
 
อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการครบร้อยละ 95 อย่างช้าสุดในวันที่ 9 พ.ค.  จะมีผลถึงวันรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ที่ต้องทำภายใน 15 วัน ตั้งแต่วันประกาศผล รวมถึงการนำรายชื่อ 250 ส.ว. ทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวาย ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน นับจากวันที่ กกต.รับรองผล
 
“กระบวนการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่จบ ต้องให้ความเป็นธรรมในการชี้แจงด้วยครับ”
นอกจากนั้นยังยอมรับในตอนหนึ่งด้วยว่า กรณีเรื่องของคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. จากการถือหุ้นสื่อมวลชนจะตรวจสอบวันนี้หรือวันหน้า ถ้าพบว่าผิดวันหน้าก็ผิด แต่ถ้าจะกันไว้แค่บางคนในกรณีแบบเดียวกันก็จะมีปัญหา ขณะที่ตามกฎหมาย กกต.ต้องรับรองผลให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนดคือ ร้อยละ 95” นายแสวง กล่าว

นายแสวง กล่าวอีกว่า การประกาศรับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะประกาศไม่เกินวันที่ 9 พ.ค. ส่วนหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ตรงกับแนวทางของ กกต.จะดำเนินการอย่างไร รอง เลขาฯ กกต. กล่าวว่า ในทางการบริหารสำนักงานได้เตรียมไว้ทุกอย่างแล้ว เราเตรียมรับสถานการณ์ไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน ปฏิทินการเมือง ถูกคาดการณ์ว่า  การประชุมสภาครั้งแรก เพื่อเลือกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา จะมีขึ้นในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ก่อนในวันที่ 27 พฤษภาคม จะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากนั้นเข้าสู่กระบวนการทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันที่  7  มิ.ย.  และคาดว่า ครม.ชุดใหม่ จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ในช่วงกลางเดือนเดียวกันนี้

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
“พุทธิพงษ์” มั่นใจ พปชร. เป็นแกนนำรัฐบาล