“จอม เพชรประดับ” เผยชีวิตฐานะผู้ลี้ภัย ขับอูเบอร์เลี้ยงชีพ

by ThaiQuote, 23 พฤษภาคม 2562

อัปเดตชีวิตอดีตพิธีกรปากกล้า "จอม เพชรประดับ" หนีรัฐประหาร คสช. อยู่อเมริกาในฐานะผู้ลี้ภัย เผยชีวิตสุดลำเค็ญ รายได้ไม่เกินค่าจ้างขั้นต่ำ ขับอูเบอร์เลี้ยงชีพเพื่อทำงานสื่อ กลายเป็นตัวประหลาดในสังคมไทย


นายจอม เพชรประดับ อดีตผู้สื่อข่าวและพิธีกรรายการสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และวอยซ์ทีวี ผู้ต้องหาหลบหนีคดีความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววีโอเอ (VOA) ภาคภาษาไทย เมื่อวันที่ 22 พ.ค.62 เปิดเผยการใช้ชีวิตฐานะผู้ลี้ภัย ในลอสแอนเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

โดยระบุว่า ปัจจุบันได้ทำอาชีพคนขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่น หรืออูเบอร์ (UBER) เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ควบคู่กับการทำสื่อออนไลน์ ที่นำเสนอเนื้อหาวิพากย์วิจารณ์การเมืองประเทศไทยผ่านช่องยูทูป


อดีตผู้สื่อข่าวเล่าว่า ขับอูเบอร์ในช่วงวันจันทร์ วันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่เลือกอาชีพนี้เพราะจะทำให้มีเวลาในการติดตามข่าวสารสำหรับงานสื่อที่ทำควบคู่กันอยู่ ซึ่งสะดวกกว่าการทำงานประจำ หรืองานประเภทอื่นในสหรัฐอเมริกาที่มีรายได้ดีกว่านี้


“ที่เลือกอาชีพนี้เพราะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของเวลาในการทำสื่อออนไลน์ควบคู่ไปด้วย มีเวลาที่จะอัปเดตข่าว ทำคลิปข่าว และสัมภาษณ์แหล่งข่าวซึ่งเวลาที่มีให้ไม่ตรงกัน แต่ไม่แนะนำให้ทำเป็นอาชีพหลัก เพราะว่ามีงานอื่นในอเมริกาที่รายได้ดีกว่านี้ถ้าคิดต่อชั่วโมง แต่ว่าคำนวณแล้วอูเบอร์ก็จะให้ไม่เกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของในแต่ละพื้นที่” นายจอมกล่าว


จอม เพชรประดับ เล่าย้อนไปเมื่อการเกิดรัฐประหารปี 2557 ระบุว่า การรัฐประหารครั้งนี้ดึงประเทศย้อนหลังลงกว่าการปฏิวัติรัฐประหารหลายครั้งที่ผ่านมาจากปัจจัยหลายอย่าง อตนเองตัดสินใจยุติอาชีพสื่อชั่วคราว มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศสัก 3-4 เดือน จึงตัดสินใจมาขอลี้ภัยในอเมริกา ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำงานสื่อเท่าที่ทำได้ผ่านโลกโซเชียล ตั้งคำถามบางอย่าง มองประเด็นบางอย่างที่คนไทยไม่สามารถทำได้

ส่วนชีวิตในสหรัฐอเมริกานั้น นายจอมเล่าว่า ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ในระดับหนึ่ง พอที่จะยังชีพได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ด้วย เพื่อที่จะได้เอาแรงมาใช้ทำงานสื่อ การใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นเรื่องยากเพราะต้องเริ่มจากติดลบเนื่องจากโดนคดีมา ด้วยข้อหาไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช. ทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

นอกจากนี้ นายจอมได้เล่าถึงข้อจำกัดในการอาศัยในชุมชนไทยที่สหรัฐฯ โดยถูกมองว่าเป็นคนร้ายในมุมมองของคนไทยที่ยังฟังแต่รัฐบาลเผด็จการ ดังนั้นการจะไปทำงานกับธุรกิจคนไทยก็ค่อนข้างยาก ถูกปฏิเสธเพราะธุรกิจเหล่านั้นยังต้องทำข้อตกลงกับประเทศไทยในหลายๆ เรื่อง

"เขาอาจจะเข้ามาคุยกับเราได้ แต่พอจะถ่ายรูป ก็อาจจะเป็นแบบ เฮ้ย! พี่ไม่ถ่ายกับน้องนะพี่เข้าใจนะ คือเหมือนกับเราเป็นตัวประหลาด เหมือนเราเป็นตัวที่น่ารังเกียจในสังคมนี้

แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่ง ก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เขาให้กำลังใจเรา เพื่อที่ให้เราอยู่ได้ ด้วยหลักการ ด้วยความคิดว่านี่คือหน้าที่ของการทำให้สังคมไทยมีความคิด มีมุมมองที่จะไม่อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการเกินไป และก็เห็นงานเรามีคุณค่าในการที่จะให้เสียงคนไทยได้พูดออกไป" นายจอมกล่าวทิ้งท้าย


ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
นายทหารใกล้ชิด "ป๋าเปรม" แจ้งความถูกแฮก "เฟซบุ๊ก"