งานวิจัยจากสหรัฐฯ ชี้วัยโจ๋ลดการเสพกัญชาลงถึง 10% แม้จะมีการเปิดเสรีกัญชาเพื่อการผ่อนคลายใน 10 รัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง รายงานข่าวโดยอ้างผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอนทาน่า (Montana State University) สหรัฐอเมริกา ที่ได้เผยแพร่ผลการวิจัยเกี่ยวกับการเสพกัญชาของประชากรสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ JAMA Paediatrics ระบุว่า แนวโน้มพฤติกรรมของวัยรุ่นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ลดการเสพกัญชาลงถึง 10% ในรัฐที่ยินยอมให้มีการเสพกัญชารวม 10 รัฐ เพื่อการนันทนาการได้

มาร์ก แอนเดอร์สัน หนึ่งในทีมวิจัยดังกล่าว เปิดเผยว่า ผลการวิจัยดำเนินการมาต่อเนื่องตั้งแต่ปีค.ศ.1993-2017 และตัวเลขที่ปรากฎทำให้คลายความกังวลจากหลายฝ่ายลงไปได้บ้างว่าการเปิดเสรีกัญชาในสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้วัยรุ่นหันมานิยมเสพมากขึ้น อีกทั้ง กฎหมายทุกรัฐยังห้ามบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปีเสพกัญชาอยู่

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอนทาน่า ก็ยังเป็นความย้อนแย้งกับงานวิจัยอื่นๆ ในสหรัฐฯ ที่มีการระบุด้วยว่าจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษายังมีสัดส่วนการเสพที่ไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเสรีกัญชาเพื่อการนันทการได้เมื่อปี 2014

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มี 33 รัฐของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย และจำนวนดังกล่าวมี 10 รัฐที่เปิดเสรีกัญชาเพื่อการผ่อนคลายได้ ประกอบด้วย อะแลสกา, แคลิฟอร์เนีย, เนวาดา, โคโลราโด, อิลลินอยส์, ออรีกอน, วอชิงตัน, เมน, แมสซาชูเซตส์ และเวอร์มอนต์

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

'บิ๊กตู่'เตือนผลกระทบใช้ กัญชา รักษาโรคเพียงอย่างเดียว