กดจุดบรรเทาปวดไม่ต้องกินยา

by ThaiQuote, 29 ธันวาคม 2562

การกดจุด เป็นการบรรเทาอาการปวดที่ไม่ต้องกินยา แต่ใช้การกดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด เป็นศาสตร์ของแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยอีกแขนงหนึ่ง

อ.นพ.ชนินทร์ ลีวานันท์ ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การกดจุด เป็นศาสตร์ของการแพทย์แผนปัจจุบัน แผนไทย และการแพทย์แผนจีน ที่นำมาประยุกต์สำหรับใช้ลดอาการปวด โดยใช้นิ้วโป้ง หรือนิ้วชี้ กดลงบนร่างกายตามจุดต่างๆ

สิ่งสำคัญของการกดจุด เพื่อให้พังผืดที่มีการเกาะรั้งในตำแหน่งของมัดกล้ามเนื้อข้างๆ ให้มีการคลายตัว การกดค้างไว้สักครู่แล้วปล่อยนิ้ว จะทำให้จุดที่กดขาดเลือดชั่วคราว แต่เมื่อปล่อยนิ้ว เลือดจะวิ่งกลับมามากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณที่กด เมื่อกล้ามเนื้อมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น ก็จะช่วยลดอาการปวดจากการขาดเลือดมาเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ แต่ในกรณีที่เมื่อกดไปแล้วกล้ามเนื้อยังเกร็งอยู่ อาจพบในคนไข้ที่กินยาแก้ปวดมานานเป็นเวลา 8-10 ปี จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ยาก กรณีเช่นนี้จะต้องใช้เวลาในการกดจุดนานกว่าคนไข้ที่เพิ่งเป็น 2-3 ปี

การกดจุดโดยทั่วไปจะเป็นการกดที่จุดปวดกล้ามเนื้อบริเวณที่เป็นพังผืด เช่น ที่คอ หลัง สะโพก หรือเป็นการกดจุดตามสัญญาณแพทย์แผนไทย เช่น สัญญาณไหล่ สัญญาณหลัง และยังกดตามจุดฝังเข็มได้ โดยเฉพาะที่บริเวณแนวขนานกระดูกสันหลังระดับคอและเอว

ส่วนข้อห้ามของการกดจุด คือ ตำแหน่งที่เป็นมะเร็ง เพราะอาจเกิดการกระจายของเซลล์มะเร็ง ผู้ที่มีการติดเชื้อ เช่น เป็นฝี หนอง เซลล์อักเสบติดเชื้อ เช่น ทางเดินน้ำเหลืองอักเสบ ข้ออักเสบ หรือบริเวณที่เพิ่งมีการบาดเจ็บ หรือเลือดออกที่ยังหายไม่สนิท

ผลการรักษาขึ้นอยู่กับอาการปวดของคนไข้แต่ละราย ส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้น 80 % ส่วนอีก 20 % ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองของคนไข้ โดยหลังการรักษา แพทย์จะแนะนำท่าสำหรับฝึกให้ผู้ป่วย เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ

ท้ายนี้ขอฝากท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย อาจเริ่มที่การปรับพฤติกรรมต่างๆ เช่น การนั่งทำงานนาน ๆ ควรมีการพักเพื่อยืดกล้ามเนื้อทุกๆ 1 ชั่วโมง ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การหมุนแขนเบา ๆ หรือจะเป็นท่าหันหน้าซ้ายให้สุด จากนั้นสลับเป็นด้านขวา รวมทั้งเอามือขวาสัมผัสศีรษะด้านซ้าย ดึงศีรษะไปด้านขวา ทำสลับกัน โดยการทำทุกท่าจะต้องไม่ฝืน ถ้ารู้สึกตึงก็ปล่อยกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งวิธีการบริหารกล้ามเนื้อนี้สามารถทำได้ทุกคนครับ

โรงพยาบาลศิริราชในแต่ละปีต้องรับคนป่วยที่ยากไร้มารักษา ซึ่งต่างก็เป็นผู้ป่วยที่แพทย์ในระดับท้องถิ่นส่งต่อมา ค่าใช้จ่ายจึงมีมาก ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ หากท่านผู้อ่านมีดำริจะทำบุญ เสนอให้บริจาคให้กับศิริราชมูลนิธิ  คลิกดูรายละเอียดเลยค่ะ


ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

อย่าปล่อย “ท้องผูก” กลายเป็นเรื่องร้ายแรง