อัยการสูงสุด แถลงเหตุไม่ฟ้อง ชัยวัตน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวก คดีร่วมกัน ฆ่า บิลลี่ เหตุ หลักฐานไม่เพียงพอ มีพยานยืนยัน มีการปล่อยตัว การตรวจพิสูจน์กระดูกไม่สามารถชี้ชัดเอกลักษณ์บุคคลได้ เผย คดีอาญาฟ้องได้ครั้งเดียว ดังนั้นหากมีหลักฐานใหม่ใน 20 ปี สามารถนำมาฟ้องใหม่ได้

วันนี้ (27 ม.ค.63) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดฐานอื่นๆ รวม 8 ข้อหา กรณีการอุ้มฆ่า บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ว่า เนื่องจากในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง และข้อหาอื่นๆ นั้น ในชั้นนี้มีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ไม่ได้หมายความว่าชัยวัฒน์ไม่ได้กระทำผิด เหตุผลที่ทางอัยการเห็นว่าหลักฐานไม่เพียงพอก็คือ

1. มีพยานบุคคลยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ปล่อยตัวบิลลี่หลังจากที่ควบคุมตัวไว้พร้อมน้ำผึ้งป่าและรถจักรยานยนต์
2. เนื่องจากการตรวจพิสูจน์กระดูกด้วยวิธีไมโทคอนเดรีย เพื่อไล่เรียงสายญาติ เครือญาติสายมารดา แต่ไม่สามารถชี้ชัดเอกลักษณ์บุคคลได้เหมือนวิธีอื่นๆ

อีกทั้งยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ว่าบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว และในระหว่างที่อ้างว่าบิลลี่ ถูกกลุ่มของชัยวัฒน์ควบคุมตัวนั้น ภรรยาของบิลลี่ก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ชัยวัฒน์ปล่อยตัวบิลลี่ที่ถูกจับกุมเรื่องเก็บน้ำผึ้งป่า การยื่นคำร้องครั้งนั้นผลเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วที่ให้ยกคำร้อง เนื่องจากมีพยานเห็นว่าบิลลี่ได้ออกมาแล้ว

" ทั้งนี้ ประเทศไทยใช้ระบบกล่าวหา และคดีอาญาสามารถฟ้องได้ครั้งเดียวในเรื่องนั้นๆ หากฟ้องไปแล้ว อัยการไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า นายชัยวัฒน์กับพวกเป็นคนฆ่าบิลลี่จริง ศาลอาจจะยกฟ้อง การที่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง กระบวนการทางศาลจึงยังไม่เริ่มต้น หากมีพยานหลักฐานใหม่ภายใน 20 ปี นับแต่ปี 2557 อัยการสามารถพิจารณาให้สั่งฟ้องใหม่ได้ ดังนั้น อัยการจึงเห็นว่ามีเพียงข้อหาเดียวที่มีพยานหลักฐานเพียงพอคือ ความผิดตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากควบคุมตัวบิลลี่พร้อมของที่ผิดกฎหมายในฐานะเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ แต่กลับปล่อยตัวไป ไม่ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี " นายประยุทธกล่าว

นายประยุทธกล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ อัยการจะส่งสำนวนกลับไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมแจ้งความเห็นสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาว่าจะเห็นแย้งความเห็นของคณะทำงานอัยการนี้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากดีเอสไอยืนยันให้ฟ้องทุกข้อหาตามที่แจ้งในสำนวน ก็ต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

อัยการแจง! เหตุไม่ฟ้อง ชัยวัฒน์ ชี้สำนวนไม่ระบุ “บิลลี่” ตายแล้ว-ถูกฆ่ายังไง?