เต้ มงคลกิตต์ ดันสร้างคลองไทย – เปิดคาสิโนเสรี กู้วิกฤตเศรษฐกิจไทย

by ThaiQuote, 20 มิถุนายน 2563

เต้ มงคลกิตติ์ ดันสุดลิ่ม สร้างคลองไทย-เปิดคาสิโนเสรี พร้อมยกโครงการ 1 อุตสาหกรรม 1 สตาร์ทอัพ กู้วิกฤตเศรษฐกิจไทยหลังโควิด19

 

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจ ออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และพรก.ปล่อยกู้ solf loan 5 แสนล้านบาท รวมทั้ง พรก.ซื้อหุ้นกู้ 4 แสนล้านบาท เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

สำหรับเงินจำนวนนี้กว่า 555,000 ล้านบาท นำไปช่วยเหลือประชาชนโดยตรงที่ต้องหยุดอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เป็นแบบให้เปล่า ส่วนเงินที่เหลือในทั้ง พ.ร.ก 3 ฉบับ ก็นำไปอัดฉีดเงินเข้าทุกระบบ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ แต่ก็ต้องรอบคอบอัดฉีดให้ตรงจุด เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มถึง 55%-58% ต่อ GDP62 ชนเพดาน ซึ่งอันตรายมาก แต่ก็จำเป็นต้องเสี่ยงแบบรอบคอบ เพราะรายได้ประเทศไทยหายไปกว่า 2-3 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ตนจึงอยากให้รัฐบาลเร่งลงมือดำเนินโครงการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ อย่างเร่งด่วน โดยใช้วิธีการลงทุนแบบ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีไปลงทุน ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ต่างชาติ อาทิ อเมริกา จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ สนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว

โดยโครงการดังกล่าว จะมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2-4 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี เกิดการสร้างงาน หลายแขนง ธุรกิจต่อเนื่องอีกหลายธุรกิจ ถ้าทำสำเร็จประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการขนส่งในทวีปเอเชียอาคเนย์ จะทำให้ รายได้ที่เกิดขึ้นมีมูลค่าอย่างต่ำปีละ 1 ล้านล้านบาท
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องผลักดันเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศไทยหลังโควิด-19 คือ โครงการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่มี คาสิโน สวนสนุก โรงแรม อื่นๆ เปิด คาสิโน ถูกกฎหมายทั้งเล่นจริงและออนไลน์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าปีละ 40-60 ล้านคน มาใช้บริการ ซึ่งจะทำรายได้กว่าปีละ 2 ล้านล้านบาท ภาษีเข้ารัฐกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะ 7.0 ล้านล้านบาท หนี้พันธบัตรรัฐบาล สวัสดิการที่ต้องทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทย 66 ล้านคน จะสามารถดูแลได้ทั้งหมด

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม จะต้องผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมไทย นำนวัตกรรมและการตลาดควบคู่ไปในทิศทางเดียวกัน เน้น “ผลิตได้ ขายได้ อยู่ด้วยกันได้” เตรียมผลักดัน 1 อุตสาหกรรมจังหวัด 1 สตาร์ทอัพ ยกระดับเศรษฐกิจไทย การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ตลาดและนวัตกรรมนำอุตสาหกรรมไทย

ทั้งนี้ความสำคัญของ 3 คำ คือ “ผลิตได้” คือ ต้องมีการใช้งานวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ “ขายได้” คือ ต้องมีการตลาดที่ดีทั้งออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) และ “อยู่ด้วยกันได้” คือ สินค้าและบริการ ต้องมีคุณภาพและมาตรฐาน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตามการจัดทำโครงการ 1 อุตสาหกรรมจังหวัด 1 สตาร์ทอัพ ต้องกำหนดให้มีจังหวัดนำร่องอย่างน้อย 12 จังหวัดทั่วประเทศ ในการสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัพให้มีการกระจายสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายที่เป็นของกระทรวงอุตสาหกรรม และนำสินค้าไปขายโรงงานขนาดใหญ่ทุกสิ้นเดือน และให้อุตสาหกรรมจังหวัดช่วยหาโรงงานอุตสาหกรรมที่มี Big Brother สามารถใช้เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งจะมุ่งให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นอีกทางหนึ่งที่เป็นการช่วยพยุงผลกระทบทางเศรษฐกิจให้สามารถมีการขับเคลื่อนไปได้ในอนาคต

 

ข่าวที่น่าสนใจ