ชาวนาเวียดนามตัดสินใจไปทำนาตอนกลางคืนแทน เหตุช่วงกลางวันร้อนระอุเกินทนไหว หลังอุณหภูมิประเทศแตะ 40 องศาฯ เกือบทุกวัน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ขณะนี้ชาวนาเวียดนาม เลือกที่จะ "ปลูกข้าวตอนกลางคืน" เพราะพวกเขาไม่สามารถทนกับอากาศที่ร้อนระอุ แสงแดดรุนแรงที่แผดเผาในตอนกลางวันได้อีกต่อไป

หลายปีที่ผ่านมา อุณหภูมิประเทศเวียดนามเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสภาพอากาศที่ร้อนระอุรวมไปถึงยังแย่ลงไปเรื่อย ๆ จนทำให้ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งชาวนาในชุมชนแทมทาน ของเวียดนาม ต้องเลิกการทำนาในตอนกลางวัน และปรับเปลี่ยนเวลามาทำนาในตอนกลางคืนแทน

สาเหตุสำคัญคือการตัดโค่นต้นไม้ในพื้นที่จำนวนมาก และมันทำให้สมดุลทางธรรมชาติเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ชาวนากัมพูชาผลของการตัดไม้ทำให้อุณหภูมิของประเทศสูงขึ้นในระดับ 1 องศาเซลเซียวสเป็นอย่างน้อยในทุก ๆ ปี

เลอแวน ฮา ชาวนาในวัย 40 ปี เขาระบุว่า ทุกวันนี้จะตื่นในเวลา 02.00 น.เพื่อออกไปทำงาน เหตุผลคือหลีกเลี่ยงที่จะต้องพาตัวเองไปรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุในตอนกลางวัน

ฮา ยอมรับว่า การทำนาในตอนกลางคืนค่อนข้างยุ่งยาก และทำให้งานเดินช้า แต่เขาทนไม่ได้กับอากาศร้อนในตอนกลางวันจริง ๆ และแม้ว่าประสิทธิภาพของการทำนาจะลดลง แต่พวกเขามีระยะเวลาการทำงานตลอดคืนด้วยเวลาที่นานขึ้น

ชาวนาเวียดนามอีกคน ไทฮอง งอก ในวัย 50 ปี สะท้อนด้วยว่า การปลูกข้าวในตอนกลางคืน จะทำให้จำนวนข้าวที่ได้ลดน้อยลง แต่ก็ต้องยอมเพราะอากาศที่ร้อนระอุทำให้ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แต่ยังรู้สึกขอบคุณที่ขณะนี้เรามีเครื่องจักรสำหรับเก็บเกี่ยว

"เพราะหากให้เรามาเกี่ยวเก็บพืชผลด้วยตัวเอง ผมยอมทิ้งไปดีกว่า เพราะร้อนเกินกว่าจะทำงานได้" งอก ชาวนาเวียดนาม กล่าว

สำหรับเวียดนาม มีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว โดยวัดได้ที่ระดับ 43.4 องศาเซลเซียส ในจังหวัดฮาทินห์ทางตอนกลางของเวียดนาม

ศูนย์พยากรณ์อุทกวิทยาอุทกวิทยาแห่งชาติของเวียดนาม ระบุเช่นกันว่า หลายส่วนของประเทศกำลังประสบกับคลื่นความร้อนใหม่ในปีนี้แม้ว่าอุณหภูมิจะต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว

ขณะที่อุณหภูมิในภาคเหนือและตอนกลางของเวียดนามในขณะนี้ อยู่ระหว่าง 35-40 องศาเซลเซียส

อ้างอิง
https://vietnamtimes.org.vn/
https://www.weforum.org/
https://www.reuters.com/

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“ทิเบต” เปลี่ยนทะเลทราย 775,000 ไร่ สู่ความชุ่มชื้น

จีนเปิดเส้นทางรถไฟระยะใหม่ เอื้อความเร็วสูงสุด 350 กม./ชม.