ผบก.เลย ยันยังไม่ออกหมายจับ “เพนกวิน” คดี ม.112 ชี้ยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน

by ThaiQuote, 14 สิงหาคม 2563

ผู้การฯ เลย เผยยังไม่มีการออกหมายจับคดี ม.112 “เพนกวิน” เหตุยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน แจงพนักงานสอบสวนถูกกดดัน ขณะผู้แจ้งความนำบันทึกประจำวันไปโพสต์อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมฯ

จากกรณี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย ได้ลงบันทึกประจำวัน เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 63 เวลา 10.23 น. นายสุขสันต์ เวียงจันทร์ อายุ 59 ปี ภูมิลำเนาที่อำเภอเมือง จังหวัดเลย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย ให้ดำเนินคดีกับ นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ อายุ 24 ปี หรือ เพนกวิน โดยกล่าวหาว่ามีความผิดใน มาตรา 112 “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” โดยพนักงานสอบสวน ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ส.ค.63 พล.ต.ต. วิบูลย์ วงก้อม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย (ผบก.ภ.จว.เลย) เปิดเผยว่า การเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันของนายสุขสันต์นั้น ยังไม่มีการลงรับหมายเลขคดี และยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆกับ นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน

ทั้งนี้ในช่วงที่มีการแจ้งความ ผู้บังคับบัญชาทั้งระดับสถานี และภูธรจังหวัด ได้ประกอบงานราชพิธีและจิตอาสาในเนื่องวันแม่ โดยผู้เข้าแจ้งความได้เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนหญิง ซึ่งได้ชี้แจ้งขั้นตอนของการรับแจ้งความ และการสอบสวนในคดีดังกล่าวที่มีความละเอียดอ่อน แต่ผู้แจ้งได้แสดงกริยาและใช้คำพูดในเชิงกดดันพนักงานสอบสวนว่า พนักงานสอบสวนต้องรับแจ้งความ ในเรื่องที่เขามาแจ้ง

ต่อมาพนักงานสอบสวนจึงได้สอบถามถึงพยานหลักฐานที่เขามีอยู่ ปรากฏว่าผู้แจ้งได้บอกว่า เป็นหน้าที่ของทางตำรวจจะต้องแสวงหาพยานหลักฐานเอาเอง และต้องรับแจ้งเรื่องของเขาให้ได้ ถ้าไม่รับแจ้งก็จะต้องมีเรื่องมีราว พนักงานสอบสวนจึงได้รับแจ้งไว้ เพื่อทำการสอบสวนต่อไป

โดยหลังรับแจ้งลงบันทึกประจำวันแล้ว ยังไม่ได้มีการลงเลขคดี ซึ่งเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน จะต้องไปรวบรวมพยานหลักฐาน และรายงานตามผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน โดยคดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้วางขั้นตอนการสอบสวนไว้อย่างละเอียด

ดังนั้นในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้มีการรับแจ้งไว้ก่อน แล้วจึงรวบรวมหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปประกอบคดี และต้องเสนอผู้บังคับบัญชากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้กรณีที่ผู้แจ้งความได้นำเอาเอกสารบันทึกประจำวันไปโพสต์เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดการสับสนในสังคม ว่า ได้แจ้งความและออกหมายจับ ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึง เกิดความตกใจ วิตกกังวล ตามที่ นายพริษฐ์ ได้นำสำเนาบันทึกประจำวันดังกล่าวไปโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับเขียนข้อความในทำนองว่าตนถูกแจ้งความและตำรวจได้ออกหมายจับ ร้องขอให้พรรคพวกออกมาร่วมปกป้อง พร้อมอ้างว่าถูกรังแกถูกไล่ล่าจากผู้มีอำนาจ ทั้งที่ความจริงเป็นแค่ขั้นตอน พนักงานสอบสวน รับแจ้งเป็นบันทึกประจำวันเพื่อจะทำการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไปเท่านั้น


อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวของผู้แจ้งความที่มีการนำเอาเอกสารไปเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยที่ยังไม่มีการลงเลขคดี และการออกหมายจับ จึงอาจมีความผิดการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้

 

ข่าวที่น่าสนใจ