"สมศักดิ์" เปิดเสวนา พืชกระท่อม มั่นใจ หากส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล

by ThaiQuote, 11 กันยายน 2563

รมว.ยุติธรรม เปิดเสวนา ’กระท่อมไทย วิถีไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย’ มั่นใจ ส่งออกจะสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล จ่อชงก.ม.ลูกเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

วันที่ 11 ก.ย.63 กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) จัดงานเสวนาในหัวข้อ “กระท่อมไทย วิถีไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย” โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานเสวนา พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายวีรวัฒน์ เต็งอำนวย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ พ.ต.ท. ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส.


การเสวนาครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนถึงแนวทางการปรับสถานะพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด โดยให้ความสำคัญกับแนวทางใหม่ในการจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการเสวนาประกอบไปด้วย หัวข้อการเสวนาทั้งหมด 5 หัวข้อ ได้แก่

1. “พืชกระท่อมในทางเศรษฐกิจ” ผู้เสวนา คือ รศ.ดร. วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

2. “พืชกระท่อมในทางการแพทย์” โดย ศ.นพ.ดร.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

3. “งานวิจัยและการพัฒนาพืชกระท่อม” โดย รศ. สมสมร ชิตตระการ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

4. “การใช้พืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน” โดย นาย
สงคราม บัวทอง กำนัน ต.น้ำพุ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกของประเทศไทยที่ครอบครองกระท่อมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และนายคฑาวุธ ทองไทย หรือ อาจารย์ไข่ ศิลปินจากวงมาลีฮวนน่า

5. “กฎหมายเกี่ยวกับพืชกระท่อมและแนวทางการปรับกฎหมาย” โดย พ.ต.ท. พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักกิจการยุติธรรม และ นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นผู้เสวนาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับกรณีของพืชกระท่อม หากศึกษาและทำอย่างถูกต้อง ผ่านการควบคุมอย่างมีคุณภาพ ประชาชนและประเทศจะได้รับประโยชน์อย่างมากมาย จึงเป็นที่มาของการจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีสื่อกลางการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปันเนื้อหา ข้อมูลด้านพืชกระท่อม และการพัฒนาไปสู่พืชเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยและประเทศ ได้รับประโยชน์และโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านพืชกระท่อมในมิติต่างๆ โดยจะเปิดให้สถาบันการศึกษาที่สนใจศึกษาวิจัยพืชกระท่อมเตรียมความพร้อมในการพัฒนาที่จะนำไปสู่การแปรรูปพืชกระท่อมในเชิงอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกทดแทนการปลูกพืชอื่นด้วย และเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคภายใต้การดูแลควบคุมของแพทย์


“หลายท่านที่ต่อสู้กันมาตลอดยาวนานแล้วมันไม่สำเร็จเพราะอะไร เพราะเป็นปัญหาที่คนยังมองต่างมุมอยู่ และมองไม่เข้าใจในพื้นเพหรือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในชนบทที่เคยเกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม ผมเคยทำนโยบายด้านการเกษตร เรื่องวัว หลายคนเป็นสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ ไม่เข้าใจเรื่องวัว ถ้าให้เกษตรกรได้ยืมไปเลี้ยง วันนี้ประเทศไทย คงไม่มีหนี้ เกษตรกรคงไม่เป็นหนี้ เพราะพอสื่อไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถที่จะทำรายได้ให้เกษตรกรมีเงินเก็บได้ ทำเกษตรอย่างเดียวแค่มีกินมีใช้ แต่ถ้าเราทำปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์ เราก็จะมีเงินเก็บ

เช่นเดียวกับพืชกระท่อม ถ้ามองผิวเผินเหมือนว่าจะเอาไว้เสพอย่างเดียว ใครจะมองว่าเป็นสินค้าส่งออก ถ้าเราคิดได้ก่อน ทำได้ก่อน ให้เป็นสินค้าส่งออก ก็จะทำรายได้มหาศาล มอร์ฟีนปีหนึ่ง 5 แสนล้านบาท แต่กระท่อมนี้มีฤทธิ์เดชดีกว่ามอร์ฟีนอีก จึงต้องสัมมนาให้เกิดความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน โอกาสที่กฎหมายจะผ่านก็ง่ายขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว


ขณะที่นักวิชาการ ทั้งรศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ศ.นพ.ดร.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และ รศ. สมสมร ชิตตระการ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวย้ำเป็นไปทิศทางเดียวกันถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของพืชกระท่อมว่า สามารถใช้ลดการเจ็บปวดและต้านการอักเสบ รวมทั้งกระตุ้นระบบประสาท ต้านการซึมเศร้าได้


ด้านนายคฑาวุธ ทองไทย หรือ “อาจารย์ไข่ ศิลปินดังวงมาลีฮวนน่า” มองว่า ตนเกิดในยุคสุดท้ายของการทำไร่เลื่อนลอย มนุษย์ใกล้ชิด ได้ใช้และเข้าใจในวิถีของธรรมชาติมากที่สุด ตนเติบโตมาท่ามกลางการผลิตยาสมุนไพร เนื่องจากมีบิดาเป็นหมอยาสมุนไพร และพบการนำกัญชามาใช้ รวมถึงพบวิถีชีวิตชาวนาที่ต้องเคี้ยวใบกระท่อมระหว่างทำนา ให้สู้แดดสู้นา จึงเชื่อว่า เมื่อหมดโควิด-19 แล้ว ทั้งกัญชากับใบกระท่อมจะฟื้นฟูประเทศชาติได้มหาศาล

ขณะที่ นายสงคราม บัวทอง กำนัน ต.น้ำพุ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกของประเทศไทยที่ครอบครองกระท่อมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เปิดเผยว่า ที่ ต.น้ำพุ มีโครงการวิจัยเก็บเลือดตัวอย่างของประชาชนที่ใช้พืชกระท่อมทั้งหมดว่า มีผลกระทบต่อไตและตับหรือไม่ เพื่อส่งกลับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบคลื่นสมองของผู้ใช้พืชกระท่อมเปรียบเทียบกับผู้ไม่ใช้พืชกระท่อมว่ามีผลกระทบอย่างไร และพบว่า พืชกระท่อมไม่ได้ทำลายสมอง


อย่างไรก็ตาม นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การเสนอร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งถือเป็น ขั้นตอนท้ายในการพิจารณาว่ากระท่อมจะยังคงมีสถานะเป็นยาเสพติดต่อไปหรือไม่ แต่ขณะนี้การพิจารณาดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ กระท่อมก็ยังถือสถานะเป็นยาเสพติด


ดังนั้น ผู้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับกระท่อมโดยไม่รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการเสพ ขาย ผลิต นำเข้า ส่งออก ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่นเดียวกับการแปรรูปพืชกระท่อมด้วยการนำไปผสมวัตถุดิบอื่นหรือที่เรียกว่า 4 X 100 ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐไม่สนับสนุนอย่างเด็ดขาด แม้จะมีนโยบายการปรับสถานะพืชกระท่อมก็ตาม ทั้งนี้ประชาชนทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่ง ในการพัฒนาสังคมให้ปลอดยาเสพติดได้ โดยหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชม.

 

ข่าวที่น่าสนใจ

"สมศักดิ์" ลงพื้นที่สุโขทัย เช็กพิรุธ บริษัทรับเหมา ไร้แนวป้องกันน้ำท่วม