กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ ราชบุรี-กาญจนบุรี เปิดอบรมครูผู้ต้องขัง พร้อมจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียหายคดีอาญา พบจ่ายทั่วประเทศแล้ว 431 ล้านบาท

นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังการเป็นประธานพิธีปิดโครงการฝึกอบรมและมอบวุฒิบัตรให้กับครูผู้ฝึกอบรมหลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับครูผู้จัดกระบวนการ จ.ราชบุรี-กาญจนบุรี ว่า การอบรมในครั้งนี้เป็นการนำความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนจากครูสู่นักเรียนได้ โดยเวลานี้เรือนจำกลางราชบุรี ขณะนี้มีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 5,670 คน โดยเป็นชาว จ.ราชบุรี 4,224 คน แบ่งเป็นชาย 3,868 คน และหญิง 498 คน

ทั้งนี้ตนให้ความสำคัญกับการศึกษา ตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรม ได้ผลักดันให้ผู้ต้องขังได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งสายสามัญและสายวิชาชีพ โดยเมื่อรับผู้ต้องขังเข้าสู่แดนแรกรับ จะสอบถามประวัติการศึกษา และส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้รับการศึกษาตั้งแต่ระดับประถม จนถึงที่ลำดับชั้นที่ต้องการ โดยเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษออกไปแล้ว สามารถเทียบวุฒิการศึกษาเพื่อเรียนต่อในระดับต่อไปได้
ในส่วนของสายอาชีพทางเรือนจำมีการฝึกสายวิชาชีพทั้งหมดทั้งงานช่างต่างๆ เกษตรกรรม คหกรรม เราร่วมมือกับ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อทดสอบฝีมือและออกใบประกาศรับรอง เพื่อให้ผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษแล้ว สามารถไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ และนี่คือหนึ่งในนโยบาย "คืนคนดีสู่สังคม” ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และตนร่วมกันผลักดันมาโดยตลอด

หลังจากนั้น นายวิวัฒน์ ได้เป็นประธานในพิธีปิด"โครงการอบรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 2562 รุ่นที่ 23" และมอบเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 จำนวน 20 คน จาก จ.ราชบุรี และกาญจนบุรี

โดย นายวิวัฒน์ กล่าวว่า การอบรมในหลักสูตรนี้ กรมคุ้มครองสิทธิได้จัดขึ้นตลอดทั้งปี มีผู้สำเร็จการอบรมทั้งสิ้น 1,207 คน ซึ่งขึ้นทะเบียนประจำไว้ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทรัฐ 82 ศูนย์ และศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประชาชน 86 ศูนย์ โดยทำหน้าช่วยเหลือประชาชนในเรื่องของการไกล่เกลี่ย ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ลดคดีขึ้นสู่ศาลและสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคู่กรณี

สำหรับสถิติการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา จ.ราชบุรี ประจำปี งบประมาณ 2563 มีผู้ยื่นคำร้อง 161 รายเป็นผู้เสียหาย 156 ราย จำเลยในคดีอาญา 5 ราย มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว 143 ราย รวมเป็นเงิน 7,123,967 บาท

ขณะเดียวกัน กรมคุ้มครองสิทธิฯได้จ่ายเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนทั่วประเทศไปแล้ว 431 ล้านบาท โดยการเรียกร้องสิทธิผู้เสียหายและจำเลยคดีอาญา ไม่ว่าจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บและเสียชีวิต ถูกข่มขืน หรือถูกชิงทรัพย์ สามารถไปร้องเรียนกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัด สถานีตำรวจ หรือโทรสายด่วน 1111 กด 77 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยจะได้รับการช่วยเหลือทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ค่าขาดประโยชน์ และค่าอื่นๆตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร สูงสุดถึง 1 แสนบาท และกรณีเสียชีวิตจะได้ค่าตอบแทนสูงสุด 1 แสนบาท และอาจได้ค่าจัดการศพ ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูและค่าเสียหายอื่นๆอีก

ข่าวที่น่าสนใจ

“หมอธีระ” แนะผู้ชุมนุม อาจเสี่ยงโควิด ควรเว้นระยะห่าง สังเกตอาการตัวเอง 2 สัปดาห์