WHO ชื่นชมไทยจุดเด่น 6 ด้าน จัดการโควิด-19
by ThaiQuote, 14 ตุลาคม 2563
องค์การอนามัยโลกชื่นชมไทยมี 6 จุดเด่นหลักช่วยจัดการโควิด-19 ได้ดี แนะพัฒนาการบูรณาการฐานข้อมูล ขยายการเฝ้าระวังรองรับการระบาดระลอกสองระลอกสอง
กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการถอดบทเรียนจากคณะประเมินการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทย พบ 6 จุดเด่นหลักที่ทำให้ควบคุมเเละจัดการได้อย่างดี เเนะให้ไทยพัฒนาการบูรณาการฐานข้อมูล และการขยายการเฝ้าระวังโรคโควิด 19 ทีมสอบสวนโรค รองรับการระบาดระลอกสองที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เมื่อวันนี้ 14 ต.ค.63 นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) นายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นายแพทย์ริชาร์ด บราวน์ ผู้จัดการโครงการด้านภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินและการดื้อยาต้านจุลชีพ องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าวการถอดบทเรียนร่วมระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก ในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย (Ministry of Public Health and WHO Joint Intra-Action Review of Public Health Response to COVID-19 in Thailand)
นายอนุทินกล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศแรกๆของโลกที่เข้าร่วมการถอดบทเรียนนี้ ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากคณะประเมินว่าดำเนินการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี โดยปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ได้แก่ ภาวะผู้นำที่เข้มแข็งซึ่งมีการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการที่ดีที่สุด, ระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของประเทศ มีทรัพยากรพร้อมและทุกคนเข้าถึงได้
รวมถึงการบริหารจัดการผู้ป่วยในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ตลอดจนศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และทีมสอบสวนโรคของทุกพื้นที่มีความพร้อมในการสอบสวนโรคจำนวนกว่า 1,000 ทีม ทำให้การติดตามกักตัวผู้สัมผัสมีความเข้มแข็ง, ประสบการณ์ที่ผ่านมากับการรับมือกับโรคระบาดในอดีต อาทิ โรคซาร์ส ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ 2009, วัฒนธรรมการทักทายแบบไม่สัมผัสกันและสวมหน้ากากเป็นประจำ การสื่อสารสม่ำเสมอ โปร่งใส นำไปสู่ความร่วมมือของภาคประชาชน, การดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานหลายภาคส่วนระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ
นายอนุทินกล่าวอีกว่า การสรุปบทเรียนการปฏิบัติการควบคุมโควิด-19 ครั้งนี้ ทีมถอดบทเรียนได้เสนอให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงระบบการจัดเก็บและบูรณาการฐานข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโควิด-19 การขยายศักยภาพของระบบเฝ้าระวังเพื่อการค้นหาผู้ป่วยให้ได้อย่างรวดเร็ว การจัดตั้งหน่วยงานระดับประเทศที่มีอำนาจในการกักกันโรค เพื่ออำนวยการ ประสานงานระหว่างภาคส่วนต่างๆ ให้เป็นไปได้สะดวกขึ้น การป้องกันบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย การเสริมกำลังคน และการเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน
โดยกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นพัฒนาการรับมือกับสถานการณ์โควิด 19 ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อนำข้อเสนอแนะต่างๆ ไปปฏิบัติจริงได้อย่างรวดเร็ว มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้ทุกรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพ
“ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการพื้นฐานต่างๆ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขแนะนำเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากในสถานที่สาธารณะ การรักษาระยะห่าง การหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ปิดหากเป็นไปได้ การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และลงทะเบียนในแอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เข้าใช้บริการในสถานที่ต่างๆ” นายอนุทินกล่าว
นายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ข้อเสนอแนะและการเสริมสร้างและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ การนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปรับใช้อย่างรวดเร็วจะช่วยให้การรับมือกับสถานการณ์การระบาดในระลอกต่อไปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีก ขณะที่เจตจำนงของการถอดบทเรียนครั้งนี้ ดำเนินการเพื่อพัฒนาการรับมือของประเทศไทย ประเทศอื่นๆ อาจพบว่ามีข้อค้นพบที่เป็นประโยชน์ในการสนับสนุนความพยายามในการควบคุมการระบาดของแต่ละประเทศได้
ดร.พูนาม เคตราปาล ซิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียใต้–เอเชียตะวันออก กล่าวว่า การถอดบทเรียนไม่เพียงแต่สำคัญสำหรับประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคเอเชียใต้-เอเชียตะวันออกขององค์การอนามัยโลกอีกด้วย เพราะขณะนี้ทั่วโลกต่างกำลังเรียนรู้ไปพร้อมกันในเรื่องของการรับมือกับโรคระบาด
ทั้งนี้ การถอดบทเรียนครั้งนี้ เป็นการศึกษาทบทวนการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ของประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกตามคู่มือขององค์การอนามัยโลก ระหว่างวันที่ 20-24 กรกฎาคม 2563 โดยทีมผู้ประเมินที่มีความเชี่ยวชาญในหลายสาขา จากองค์การอนามัยโลก องค์การสหประชาชาติ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
ใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูล ทั้งผู้กำหนดนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ และบุคลากรทางการแพทย์ จากภาครัฐเเละเอกชน จำนวน 96 คน และจัดทำเป็นรายงานข้อเสนอแนะในการพัฒนาการตอบสนองต่อสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 ของประเทศไทยในอนาคต
ดาวน์โหลดรายงานภาษาไทยได้ที่
https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/iar-covid19-th.pdf
ภาษาอังกฤษที่ https://www.who.int/docs/default-source/searo/thailand/iar-covid19-en.pdf
สำหรับการประเมินแบ่งเป็น 9 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.การประสานงานการวางแผน การติดตามเเละประเมินผลในระดับประเทศ
2.การสื่อสารความเสี่ยงและการมีส่วนร่วมของชุมชน
3.การเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค และการติดตามผู้สัมผัส
4.ช่องทางเข้าออกประเทศ สุขภาพแรงงานต่างด้าว
5.ระบบห้องปฏิบัติการแห่งชาติ
6.การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ
7.การจัดการผู้ป่วย และการแบ่งปันความรู้ นวัตกรรมและการวิจัย
8.การสนับสนุนการ ปฏิบัติงานและการขนส่งในห่วงโซ่อุปทาน และการจัดการกำลังคน
9.การบำรุงรักษาด้านบริการ สุขภาพที่จำเป็นต่างๆ (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด 19 โดยตรง) ระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ
ราชกิจจาฯ ประกาศ ก.สาธารณสุข จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กรณีเหตุฉุกเฉิน-จำเป็น