“พิชัย”เตือน“บิ๊กตู่” เตรียมรับมือนโยบาย 5 เรื่อง จาก โจ ไบเดน

by ThaiQuote, 12 พฤศจิกายน 2563

รองหน.พรรคด้านศก. พรรคเพื่อไทย เตือนนายกรัฐมนตรี เตรียมรับมือ 5 นโยบายจากสหรัฐฯ หลัง นายโจ ไบเดน รับบทผู้นำคนใหม่ เชื่อไทยถูกกดดัน ปชต.-การละเมิดสิทธิฯแน่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ฝากคำเตือนถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เตรียมพร้อมรับมือนโยบายของสหรัฐที่จะเปลี่ยนแปลงภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ นายโจ ไบเดน ที่จะเข้ารับตำแหน่งในต้นปีหน้านี้ ตามที่นายโจ ไบเดน ได้หาเสียงไว้


โดยนายพิชัย เชื่อว่านโยบายการกีดกันการค้าของสหรัฐกับทั้งโลกคงน่าที่จะเบาลง แต่นโยบายสงครามการค้ากับประเทศจีนน่าจะคงมีอยู่ ทั้งนี้เพราะสหรัฐเองคงต้องการจะชะลอการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนไม่ให้พัฒนาแซงหน้าสหรัฐเร็วเกินไป โดยอยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้ศึกษาและเตรียมรับมือกับ 5 เรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 คือ เรื่อง CPTPP เพราะมีโอกาสสูงที่สหรัฐ ภายใต้การนำของนาย โจ ไบเดน จะหันกลับมาร่วมกับ CPTPP หรือ ในอดีตที่เรียกกันว่า TPP ที่สหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตีแต่แรกในสมัยประธานาธิบดี บารัค โอบามา แต่มาหยุดชะงักลงในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้นเมื่อพรรคเดโมแครต ได้กลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ก็มีโอกาสสูงที่จะรื้อฟื้นเรื่องนี้ โดยไทยจะต้องพิจารณาให้ดีถึงผลดีและผลเสียของการจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม

เรื่องที่ 2 คือ กรณีที่นายโจ ไบเดน ได้ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสอีกครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ถอนตัวไป โดยที่สหรัฐคงจะให้ความสนใจกับปัญหาโลกร้อนมากขึ้น การใช้ พลังงานจากฟอสซิล โดยเฉพาะจากถ่านหินก็จะลดลง และประเทศต่างๆก็จะถูกตรวจสอบการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนขึ้นสู่บรรยากาศ ซึ่งไทยก็จะต้องระวังและเตรียมพร้อมในเรื่องนี้ด้วย

เรื่องที่ 3 นายโจ ไบเดน ประกาศจะขึ้นการเก็บภาษีสำหรับคนรวย โดยขึ้นภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% และ การขึ้นภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุดจาก 37% เป็น 39.6% อีกทั้งจะมีการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์ เป็น 15 ดอลลาร์ ต่อชั่วโมง ซึ่งจะมีผลต่อธุรกิจในสหรัฐ และอาจจะส่งผลให้มีการย้ายฐานการผลิต ซึ่งไทยอาจจะมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์หากไทยกลับมาเป็นที่ยอมรับของสหรัฐและประชาคมโลกอีกครั้ง

เรื่องที่ 4 นายโจ ไบเดน มีแผนการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมหาศาลถึง 2 ล้านล้านเหรียญ อีกทั้ง นโยบายกีดกันการค้าที่จะลดลง จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐอ่อนค่าลงได้ และจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก ซึ้งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างมาก


และเรื่องที่ 5 ซึ่งเรื่องที่น่าส่งผลต่อไทยมากที่สุด คือ แนวทางของพรรคเดโมแครตที่จะเน้นเรื่องการส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มงวด ซึ่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ น่าจะมีปัญหาในเรื่องนี้อย่างมาก จากรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มี สว. แต่งตั้ง 250 คน และ การสลายการชุมนุมของประชาชนอย่างผิดหลักสากล จึงมองว่า เมื่อ โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อาจจะเจอกับความกดดันมากขึ้น นอกจากการถูกตัดจีเอสพี ถึง 2 ครั้งในปีนี้แล้ว นายพิชัย ย้ำว่า นี่เป็นเพียงบางเรื่องเท่านั้นที่จะมีผลกระทบต่อไทย ซึ่งก็ต้องติดตามกันดูต่อไปว่าจะมีเรื่องไหนเพิ่มขึ้นอีก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สหภาพฯ ขสมก.ขู่ฟ้องตำรวจ นำรถเมล์ไปขวางม็อบ ชี้เป็นทรัพย์สินจากภาษีคนไทย