“พาณิชย์” ลั่นเอาอยู่ คุมเข้มราคาหน้ากากอนามัย ไร้กักตุน

by ThaiQuote, 2 มกราคม 2564

“พาณิชย์” คุมเข้มราคาหน้ากากอนามัย หลังโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ลั่นไร้ปัญหากักตุน หลังโรงงานแห่เปิดเพียบ ผลิตหน้ากากอนามัยสู่ตลาดวันละ 5 ล้านชิ้น


”หน้ากากอนามัย” กลับมามีความต้องการมากขึ้น หลังมีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อชาวเมียนมา ที่ทำงานในตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาคร จำนวนมากและแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ส่งผลให้อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค อย่างหน้ากากอนามัยราคาพุ่งพรวดขึ้นทันที โดยเฉพาะราคาขายในออนไลน์

ทำให้กระทรวงพาณิชย์ต้องนัดประชุมด่วนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงสถานการณ์ราคาหน้ากากอนามัย และวางแนวทางการป้องกันไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย โดยยังใช้มาตรการตามพ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่เคยใช้เมื่อครั้งการแพร่ระบาดรอบแรก

 

 

ซึ่งเมื่อช่วงกลางปีผ่านมา ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศครั้งแรก ความต้องการหน้ากากอนามัยสูงมาก จนทำให้เกิดการขาดแคลนและส่งผลให้ราคาหน้ากากอนามัย ขยับตัวสูงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เนื่องจากในขณะนั้นโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยมีเพียง 11 โรง มีกำลังการผลิตรวมแล้ว 1.2ล้านชิ้นต่อวันหรือ36ล้านชิ้นต่อเดือน

ซึ่งสวนทางกลับความต้องการของประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเสี่ยง ที่ตื่นตระหนก ต้องการซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อใช้สำหรบตัวเองจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทั้งประเทศ  ทำให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยนายวิชัย โภชนกิจ อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในช่วงนั้นต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหา

ปัญหาราคาหน้ากากอนามัยที่ขายเกินราคาจริง ก็มีอย่างต่อเนื่อง มีการจับกุมผู้ค้าที่ขายเกิดราคา จนช่วงที่สถานการณ์โควิด-19ค ลี่คลาย ราคาหน้ากากอนามัยก็กลับมาเป็นปกติ ประกอบกับมีการตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบันมีโรงานผลิตหน้ากากอนามัยจำนวน 30 โรง ผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 5 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

จนกระทั่งปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดรอบ 2 ความต้องการหน้ากากอนามัยจำนวนมากก็กลับมาอีกครั้งพร้อมๆกับข่าวการปรับราคาขึ้นเท่าตัวของหน้ากากอนามัยทั้งที่ขายหน้าร้านค้าและในออนไลน์  จนเป็นที่มาทำให้พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาหน้ากากอนามัยไม่ให้แพง และไม่ให้ขาดตลาด ได้ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคา

รวมทั้งดูแลเรื่องการกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง และให้ใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจังเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน และลงโทษคนที่ทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 

 

โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กำชับพาณิชย์จังหวัดและค้าภายในจังหวัด ให้ติดตามสถานการณ์ความต้องการสินค้าป้องกันแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด

โดยให้เน้นไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับราคาขายปลีก ที่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ยังเป็นสินค้าควบคุมราคาไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น หากเจอทั้งการขายเกินราคา ปฎิเสธการขาย หรือบิดเบือนตลาดให้ปั่นป่วนให้เอาผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้ทันที มีโทษทั้งจำคุกและปรับ พร้อมกันนี้ ยังไม่อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัย ทั้งๆที่มีผู้ผลิตทำหนังสือขออนุญาตมาต่อเนื่อง เพราะความต้องการในต่างประเทศยังสูง

ขณะที่นายวัฒนศักดิ์ ศรีเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ต้องเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกัน แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้ เนื่องจากจำนวนการผลิตที่มากพออีกทั้งประชาชนเองก็มีทางเลือกใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้า

โดยกรมการค้าภายในได้มีการขอความร่วมมือ ให้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มกำลังการผลิต โดยมีโรงงาน 30 โรงสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 100 % พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจได้ว่า ปริมาณหน้ากากอนามัยเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในช่วงการระบาดรอบ 2 จึงไม่รุนแรงเท่ากับครั้งแรก เนื่องจากปริมาณการผลิตที่มีมากถึง 5 ล้านชิ้นต่อวัน ประกอบกับประชาชนมีทางเลือกใช้หน้ากากผ้าแทน รวมทั้งบทเรียนที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงพาณิชย์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ปัญหา จึงไม่ซ้ำรอยเหมือนการระบาดรอบแรกแน่นอน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“พาณิชย์” ลุยตรวจราคาขายหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ