นักประดิษฐ์ไทยเก่งอีกแล้ว ออกแบบเตาเผาขยะเคลื่อนที่ได้ “โมบาย เบิร์น” สามารถเผากำจัดขยะได้ถึง 300-500 กิโลกรัม / ชั่วโมง โดยไม่มีก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ไม่หลุดรอดออกไปในอากาศ

กองขยะที่มีอยู่เกลื่อนกลาดมีอยู่มากมายหลายชุมชน บางทีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลก็ไม่สามารถมาเก็บได้ทัน หรือเก็บทันก็เป็นปัญหาในการเผาทำลาย หรือฝังกลบทำลาย แต่จากนี้ต่อไปชุมชนต่าง ๆ ไม่ต้องตั้งตารอรถเก็บขยะเพียงอย่างเดียวโดยมีคุณ "นพดล โปธิตา" นักธุรกิจเมืองเหนือ ปฏิวัติแนวทางกำจัดขยะด้วยนวัตกรรม "โมบาย เบิร์น"

จุดเด่นของ นวัตกรรม เตาเผาเคลื่อนที่ "โมบาย เบิร์น"

ความสำเร็จของเตาเผาขยะเคลื่อนที่ "โมบาย เบิร์น" เริ่มต้นจากการพัฒนา เตาเผาไร้มลพิษระบบก๊าซซิฟิเคชั่น โดยฝีมือการพัฒนาของ คุณนพดล โปธิตา กรรมการผู้จัดการบริษัท เชียงใหม่ เอ็นไวรอนเม้นท์ โปรเทค จำกัด จนกลายเป็นแหล่งกำจัดขยะสำคัญให้กับแหล่งท่องเที่ยวกว่า 20 แห่ง เช่น เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เกาะภูเก็ต และขอนแก่น

จุดเด่นอยู่ที่ประสิทธิภาพสามารถกำจัดขยะได้ 3-5 ตันต่อวัน กินพลังงานต่ำ และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ขณะที่ "โมบาย เบิร์น" เป็นนวัตกรรมที่ต่อยอดมาจากเตาเผาเดิม แต่ออกแบบให้ใช้งานได้มากขึ้น และลดข้อจำกัดด้านการขนส่ง

"ครั้งนี้เราได้ต่อยอดเทคโนโลยีโดยเปลี่ยนความคิดไปจากเดิม ที่ต้องขนส่งขยะมาหาเตาเผาเพื่อกำจัด เป็นเตาเผาเคลื่อนไปถึงแหล่งที่มาของขยะแทน"

จากปริมาณขยะในช่วงปกติที่มีมากถึง 14 ล้านตันต่อปี สวนทางกับศักยภาพในการกำจัดขยะในปัจจุบันอยู่ที่ 6-7 ล้านตันต่อวัน ขยะจึงยังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ซึ่งการฝังกลบยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงเวลาปกติ คนเราผลิตขยะเฉลี่ยคนละครึ่งกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งภาระในการกำจัดยังเป็นเรื่องของชุมชน

เทคโนโลยีนี้ต่อยอดไปสู่อนาคตได้

เทคโนโลยีเตาเผาเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ ออกแบบให้ลดการปลดปล่อยก๊าซพิษ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของการกำจัดขยะด้วยวิธีการเผา โดยนำเทคโนโลยีดักจับฝุ่น ชุดกรองสารพิษ ใส่ไว้ในเตาเผา ตลอดจนกระบวนการเผาที่ใช้อุณหภูมิสูงถึง 800 องศาเซลเซียส ทำให้ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ไม่หลุดรอดออกไปในอากาศ ซึ่งการันตีได้ด้วยการรับรองมาตรฐานจากกรมควบคุมมลพิษสามารถรองรับการกำจัดขยะที่เปียกหรือชื้นมากกว่าปกติและถือเป็นนวัตกรรมเตาเผาขยะขนาดเล็กแบบเคลื่อนที่ มีขนาดประมาณเพียง 4 x 2 เมตร สามารถเผากำจัดขยะได้ถึง 300-500 กิโลกรัม / ชั่วโมง ในอุณภูมิที่ 700-1,200 องศาเซลเซียส โดยใช้แก๊ส (LPG) ในปริมาณต่ำเพื่อจุดนำร่องการเผาไหม้ในห้องเผา โดยผ่านทดสอบการตรวจวัดคุณภาพอากาศแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

"ถ้าแนวคิดการกำจัดขยะชุมชนทำได้สำเร็จ โดยกระจายไปตั้งอยู่ในชุมชนต่างๆ เชื่อว่าการกำจัดขยะในอนาคตจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขยะทุกชนิดที่ใส่ลงในเตาเผา โมบาย เบิร์น 100% จะเหลือออกมาเป็นขี้เถ้า 10% ซึ่งสามารถนำไปผสมในอิฐหรือปูนซีเมนต์ก็ได้" นพดลกล่าว

นอกจากนี้ ในอนาคตตัวเขาเองยังมีแนวคิดที่จะขยายประสิทธิภาพการกำจัดขยะ ให้รองรับปริมาณขยะได้มากกว่าเดิมถึง 10 ตันต่อวัน พร้อมทั้งเพิ่มระบบแปลงพลังงานที่ได้จากการเผาขยะเป็นก๊าซหุงต้ม เพื่อนำพลังงานที่ได้มาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กว่าจะถึงความสำเร็จ

กว่าที่คุณนพดลจะสามารถสร้างรถเผาขยะเคลื่อนที่ "โมบาย เบิร์น" ต้องใช้เงินลงทุนไปกว่า 7 หลัก แต่เพราะความมุ่งมั่น และใจรักที่จะแก้ปัญหาขยะในชุมชน นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่ชี้ให้เห็นว่าสามารถทำได้จริง จนได้รับการสนับสนุนต่อยอดนวัตกรรมจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.)

คุณนพดล มองว่า กลไกการสนับสนุนจากภาครัฐมีส่วนช่วยให้การพัฒนานวัตกรรมเดินไปสู่ความสำเร็จได้ ทั้งการสนับสนุนในรูปแบบเงินทุนกว่า 1 ล้านบาท การสนับสนุนด้านวิชาการ ตลอดจนการเผยแพร่นวัตกรรมออกไปสู่วงกว้าง

คุณนพดล เชื่อว่า ผลของโครงการดังกล่าว จะช่วยให้คนได้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมที่สร้างจากฝีมือคนไทย และการใช้ประโยชน์เพื่อกำจัดขยะชุมชนได้ในอนาคต

ทุกวันนี้เตาเผาขยะไร้มลพิษของบริษัท เชียงใหม่ เอ็นไวรอนเม้นท์ โปรเทค ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ในโครงการผลิตโมบายเบิร์นเพื่อใช้ในโครงการจิตอาสากำจัดขยะชุมชนเขตปริมณฑล ภารกิจหลัก คือ กำจัดขยะจากบ้านเรือนที่เพิ่มขึ้นมหาศาลอันเกิดมาจากจำนวนประชากรมากขึ้น และชุมชนขยายตัว

ทั้งนี้ชุมชนใดต้องการที่จะบริการรถ “โมบายเบิร์น” นี้ สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 089-371-9555 เพื่อขอรับคำปรึกษา แต่จะต้องคัดแยกขยะก่อน เนื่องจากขยะบางประเภทไม่สามารถเผาได้ เช่น ขวดแก้ว เศษโลหะ และแบตเตอรี่ ก่อนที่จะเข้าสู่เตาเผาขยะของ “โมบาย เบิร์น”.