โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไม่ใช่แค่ความงาม แต่เพื่อรักษา

by ThaiQuote, 9 กุมภาพันธ์ 2566

“โบทูลินั่ม ท็อกซิน” (Botulinum Toxin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ ซึ่งในภาวะปกติของกล้ามเนื้อต้องอาศัยการสั่งงานจากเซลล์ประสาทในการทำงาน เคลื่อนไหว หรือหดตัว

 

ดังนั้นเมื่อเซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวหรืออีกนัยหนึ่ง คือ เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อ โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน เห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7-14 วัน และมีฤทธิ์อยู่ได้นาน 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ขนาดยาที่ฉีด และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆกลับมาหดตัวได้เหมือนเดิม ในปัจจุบันวงการแพทย์ใช้โบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดบริเวณกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อลบเลือนริ้วรอยซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น บริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือหางตา เป็นต้น

กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรรักษาด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน
• ผู้ป่วยโรคระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น โรค Myasthenia gravis หรือ โรค Amyotrophic lateral sclerosis เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
• ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินั่ม ท็อกซิน
• สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
• ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างหักโหม

การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน
1. ควรสอบถามข้อมูลจากแพทย์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
2. งดรับประทานยาแอสไพริน ยาขยายหลอดเลือด หรือยาป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรืออาหารเสริม เช่น วิตามินอี ชาเขียว สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นต้น ก่อนเข้ารับการฉีด 7 วัน

ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน
1. ห้ามนอนราบภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมงหลังฉีดยา เพราะอาจทำให้ตัวยากระจายออกนอกตำแหน่งที่ต้องการรักษาไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
2. ห้ามนวด ขัด ถู คลึง บริเวณที่ทำการรักษา เนื่องจากอาจทำให้ยากระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการรักษาได้
3. สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษาเพื่อลดอาการปวด บวม หรือรอยช้ำ
4. การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ มีความสำคัญมาก และเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้มากที่สุด ควรทำทุกๆ 15 นาทีในชั่วโมงแรกหลังการฉีด เช่น
- การฉีดบริเวณหน้าผาก ให้หมั่นเลิกคิ้ว
- การฉีดบริเวณหว่างคิ้ว ให้หมั่นขมวดคิ้ว
- การฉีดบริเวณหางตา ให้หมั่นยิ้มยิงฟัน
- การฉีดบริเวณกราม ให้หมั่นเคี้ยวหมากฝรั่ง
5. หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ การนวดหน้าแรงๆ หรือการทำไอออนโตที่หน้า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
6. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
7. สามารถล้างหน้า ทาครีม แต่งหน้าได้ตามปกติ
8. มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษา

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
1. ความเจ็บจากการฉีดยา
2. อาการปวดศีรษะ
3. รอยช้ำ
4. อาการคิ้วหรือหนังตาตก
5. เกิดอาการแพ้ในผู้ป่วยบางราย
โดยอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยและสามารถหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีความผิดปกติใดเกิดขึ้นควรรีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที.

ที่มา: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

ศึกษาพบ ‘เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล’ เชื่อมโยงอาการผมร่วงในหมู่ชายหนุ่ม
https://www.thaiquote.org/content/249409

อุดฟันแล้วแต่ยังเสียวฟัน เกิดขึ้นได้มาจากหลายปัจจัย
https://www.thaiquote.org/content/249393

กินไม่หยุด กินไม่รู้จักอิ่ม อาจเป็นโรคต้องรักษา
https://www.thaiquote.org/content/249279