ส.อ.ท.หัวขบวนปรับโครงสร้างศก.สู่ BCG เชื่อมเกษตรอัจฉริยะเพิ่มมูลค่าการส่งออก
by ThaiQuote, 8 กันยายน 2566
สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เดินหน้าเชื่อมเกษตรอัจฉริยะกับอุตสาหกรรมตามแนว BCG หนุนปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศสู่การส่งออกสินค้ามูลค่าสูง สร้างความยั่งยืน เผยสินค้าแรกหนุนปลูกเห็ด “ยามาบูชิตาเกะม” ผลิตยา อาหารเสริม
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในการอบรมหัวข้อ “ผู้นำ-นำความเปลี่ยนแปลง” จัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพ ว่า ประเทศไทยพึ่งพารายได้การส่งออกจากการเป็นประเทศรับจ้างผลิตมา 30 ปี แต่ปัจจุบันสินค้าเหล่านั้นไม่ตอบโจทย์ตลาดโลกอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ โดยวันนี้โลกต้องการสินค้าที่เป็นเทคโนโลยี และส่งเสริมทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้บรรจุเรื่องแนวทางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้แนวคิด BCG
สภาพอุตสาหกรรมจึงได้ดำเนินแผนงาน BCG in Action โดยการเชื่อมโยงระหว่างเกษตรอัจฉริยะกับการส่งออก โดยมีการจับคู่ระหว่างผู้ประกอบการด้านการเกษตรกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าจากฐานการเกษตรไปเป็นสินค้าเกษตรแปรรูปที่มีมูลค่าสูง เช่น โครงการ Smart Agriculture Industry in the City (SAI) โดยเป็นการร่วมกันพัฒนาการเพาะปลูกเห็ด “ยามาบูชิตาเกะม” แล้วใช้เทคโนโลยีผลิตเป็นยา อาหารเสริม รวมไปถึง ผลิตเป็นหนังเทียม และวัสดุในวงการก่อสร้าง ซึ่งสินค้าที่ผลิตจะมีมูลค่าสูง
นายเกรียงไกร กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรม เป็นศูนย์รวมของอุตสาหกรรมของไทย จึงต้องเป็นทำหน้าที่เป็นหัวขบวนในการปรับโครงสร้างการส่งออกไปสู่สินค้าใหม่ๆที่มีมูลค่าเพิ่ม ประเทศไทยโชคดีที่เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมุ่งสู่ BCG ซึ่งเป็นแนวโน้มของโลกที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ความยั่งยืน ที่สำคัญเป็นแนวทางสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าด้านการเกษตร ที่ส่งผลต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกร เป็นแนวทางที่สามารถลดความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยอีกด้วย
แนวคิดของ SAI สู่การพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน