RISC' โชว์วิสัยทัศน์งานระดับโลก-นำชมโครงการต้นแบบ “ป่ากลางเมือง”

by ESGuniverse, 10 กุมภาพันธ์ 2567

RISC โชว์วิสัยทัศน์เชิงรุกนักวิจัยโลก พร้อมนำชมผลงานจริงต้นแบบ “ป่ากลางเมือง” ยกเป็นมาตรฐานใหม่ที่อยู่อาศัย เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐาน “เข้าใจ เคารพ ธรรมชาติ”

 

ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ภายใต้ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ร่วมเป็นพันธมิตรหลักของการประชุมระดับโลก ด้านระบบนิเวศของป่าไม้ในหัวข้อ ‘Role and Fate of Forest Ecosystems in a Changing World’ ที่จัดโดย สหภาพองค์กรวิจัยป่าไม้นานาชาติ (The International Union of Forest Research Organizations หรือ IUFRO) ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย

IUFRO เป็นองค์กรนานาชาติที่ก่อตั้งมากว่า 131 ปี มีสมาชิกเป็นองค์กรกว่า 630 แห่งทั่วโลก ที่ทำงานด้านการวิจัยเกี่ยวกับระบบนิเวศ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม โดยจัดการประชุมใหญ่ระดับโลกและการประชุมย่อยของนักวิจัยแต่ละกลุ่มเป็นประจำ

การประชุมที่กรุงเทพฯ ปีนี้ มีกลุ่มนักวิจัยที่ทำงานด้านมลภาวะทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (International Union of Forest Research Organizations - Research Group 8.04 on "Air Pollution and Climate Change") กว่า 80 คน จาก 25 ประเทศทั่วโลก มารวมตัวกันนำเสนอผลงานวิจัย เพื่อร่วมกันลดปัญหามลภาวะทางอากาศ โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเป็นเจ้าภาพ และได้รับการสนับสนุนจาก RISC

ตัวแทน RISC ขึ้นเวทีนำเสนอวิสัยทัศน์ “Nature Positive, Carbon Negative” พร้อมนำชมโครงการ The Forestias ที่อยู่อาศัยบนผืนป่ากลางกรุงเทพฯ ที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานความเข้าใจและเคารพ ในธรรมชาติ รวมทั้งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ต่อยอดงานวิจัยในมิติความสัมพันธ์ระหว่างป่าและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-Being)

  

MQDC พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

รศ. ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC), MQDC ขึ้นเวทีนำเสนอแนวคิดและกรณีศึกษาจากประเทศไทย ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติและมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนในทุกมิติ

ปัญหาโลกร้อนในทุกวันนี้ รุนแรงยิ่งขึ้น เราต้องช่วยกันหาแนวทางที่จะลดผลกระทบจากการใช้ชีวิตของเราต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน MQDC จึงได้สนับสนุนการศึกษา วิจัยที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่นการสนับสนุนการจัดการประชุมครั้งนี้ และในการดำเนินธุรกิจหลักของเรา MQDC ได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายมาก คือ Nature Positive, Carbon Negative คือ การดูแลระบบนิเวศและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติไปพร้อมกับการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ไม่สร้างก๊าซคาร์บอนหรือมลภาวะ MQDC จึงเน้นนวัตกรรมที่จะพลิกโฉมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเน้น 3 แกนหลักของการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือ

1. ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2. การใช้ชีวิตและสาธารณูปโภค
3. สังคมและเศรษฐกิจ

"เราเป็นหน่วยงานที่ตระหนักถึงหน้าที่ในการมีส่วนร่วมและเป็นผู้นำในการดูแลสิ่งแวดล้อม และตั้งเป้าหมายว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเรานั้น MQDC จะฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

 ‘Forestias บางนา’ ป่ากับเมืองอยู่ร่วมกันได้

การศึกษาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศได้กลายมาเป็นหัวใจในโครงการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัยของ MQDC โดย รศ. ดร. สิงห์ ได้ยกตัวอย่างโครงการ The Forestias ที่บางนาเป็นกรณีศึกษาสำหรับนักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมนานาชาติในครั้งนี้ ว่าโครงการ The Forestias เป็นโครงการที่พยายามบูรณาการความรู้ทุกด้าน และเปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยที่สร้างความสุขให้ทั้งผู้ที่อยู่ในโครงการ และระบบนิเวศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ แหล่งน้ำ ดิน นก แมลง สัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน

“โครงการ The Forestias โอบล้อมด้วยป่าใจกลางโครงการ (Deep Forest) เป็นโซนที่ห้ามบุคคลทั่วไปเข้า เว้นแต่นักวิจัย นักนิเวศวิทยาที่จะเข้าไปเก็บข้อมูลเป็นครั้งคราว ถัดออกมาเป็นโซนธรรมชาติ ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ และมีอาคาร สาธารณูปโภคต่างๆ อยู่รอบนอก ก่อนที่จะสร้างโครงการนี้ ได้มีการเชิญนักวิจัยแต่ละด้านทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาเก็บข้อมูลในพื้นที่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพดิน น้ำ ลักษณะทางกายภาพ ชนิดของพืชพรรณ สัตว์ต่างๆ ก่อนที่จะออกแบบพัฒนาโครงการ รวมถึงการวางแผนการปลูกต้นไม้ต่างๆ เพื่อดึงดูดสัตว์หลากหลายชนิด ตามเป้าหมายที่จะรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะเดียวกันก็ปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยด้วย ส่วนการตกแต่งภายในอาคาร เน้นวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ วัสดุที่ปล่อยคาร์บอนน้อย และกลมกลืนกับ สิ่งแวดล้อม ระบบไฟ น้ำ แสงสว่างต่างๆ เน้นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ ลดมลภาวะ เช่น การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกพัฒนาพันธุ์พืชที่เปล่งแสงตอนกลางคืน เพื่อเป็นแหล่งแสงธรรมชาติตอนกลางคืน เป็นต้น”

ภายหลังการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการนำงานวิจัยมาพัฒนาโครงการแล้ว นักวิจัยชั้นนำทั่วโลกยังได้ลงพื้นที่จริงสัมผัสกับโครงการต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ใส่ใจทุกชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้มีการต่อ ยอดการวิจัยและพัฒนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างระบบนิเวศของป่ากับความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ด้วย

โครงการนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิชาการที่เข้าร่วมงานได้เห็นว่า ผลงานวิจัยความรู้ต่างๆ มีประโยชน์เป็นอย่างมาก และภาคธุรกิจเอกชนสามารถประยุกต์ความรู้เชิงวิชาการเหล่านี้ออกมาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมและการใช้งานจริง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง คุณภาพชีวิต และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ IUFRO มาจัดการประชุมในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก นักวิจัยระดับโลกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ให้ความสนใจมากกับแนวคิดการนำป่ามาเชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ที่ดีหรือ Well-Being และมองว่าเราเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นโครงการที่ภาคเอกชนริเริ่มในเมืองใหญ่ เป็นการนำความรู้จากงานวิจัยมาประยุกต์ใช้ในโครงการจริง ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จของประเทศไทย ” รศ. ดร.สิงห์ กล่าวสรุป.

Tag :