ล่า “หมีขอ” ตกลงจะผิดยกแก๊ง หรือจะมีคนรอด

by ThaiQuote, 11 ตุลาคม 2561

เริ่มต้นที่นายสมโภช มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชบอกว่าคดีนี้สามารถพิจารณาได้จากการผูกเรื่อง ว่าเริ่มต้นอย่างไร ดำเนินการไปทางไหน และมีหลักฐานประกอบอย่างไร สิ่งต่างๆ มันบอกได้เอง ทางทีมโฆษกบอกว่าในเชิงลึกได้มีข่าวมาว่ามีพรานล่าสัตว์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งคนรีบเข้าไปให้ทันกับคณะที่เข้าไป แต่ในตอนแรกอยู่นอกเขตพื้นที่ทำให้เกิดความหนักใจว่าประจักษ์พยานเท่าที่เห็นอ่อนไป จึงเร่งให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่เพื่อไปหาประจักษ์พยานเพิ่มเติม เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้ขาดที่มีน้ำหนักมากที่สุด ส่วนคำให้การนั้นก็เป็นสิทธิของเขา ถ้าเขาโกหกครั้งแรกได้ นำหนักของคำให้การในครั้งที่สองก็จะอ่อนลง ทางด้านนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ค้นเจอซากสัตว์ ตลอดจนการให้การของนาตาต้า ชาวกระเหรี่ยงว่าเป็นคนยิงหมีขอทำให้รูปของคดีไม่มีใครสามารถรอดจากความผิดได้ เป็นความผิดร่วมกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้แจ้งว่าเป็นการซื้อมาของ อส.ออยเพียงรายเดียว ในกรณีนั้นบางรายอาจหลุดจากคดีได้ เพราะถ้าพิสูจน์ได้ว่าหมีขอหายไปทั้งตัว อยู่ในท้องของทุกคน  แปลว่าร่วมรู้กันหมด แม้ว่าไม่โทษของการล่า แต่ก็มีโทษของการสนับสนุน โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติฯกล่าวว่า ด้วยพยานแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญเพราะที่พักก็อยู่ที่เดียวกัน และถ้าหากจะซื้อจากชาวบ้าน สภาพถนนก็ไม่เอื้ออำนวยให้บอกว่าชาวบ้านขับรถมา นายปรเมศวร์ กล่าวว่าข้อหา “ล่า” นั้นสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าจะโดนสัตว์นั้นหรือไม่ แล้วในกรณีการมอบปืนไปให้ก็มีความผิดฐานผู้จ้างวานใช้ และถ้าทุกคนอยู่ด้วยไม่ห้ามปรามก็กลายเป็นสนับสนุน เจ้าหน้าที่ของรัฐจะเพิ่มในข้อหาปฏิบัติมิชอบตามมาด้วย มีทั้งสนับสนุนในการกระทำ และสนับสนุนปกปิดการกระทำ โฆษกกรมอุทธยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ก็อาจมีบางคนไม่ผิดขึ้นอยู่กับประจักษ์พยานว่าถึงไม่ถึง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคำว่าร่วมถ้ามีการแบ่งหน้าที่กันก็จบ ถ้าเขาให้การได้ชัดว่าไม่เกี่ยวเลยก็รอดไป นายปรเมศวร์บอกว่าคนที่เป็นอาสาผิดเรื่องปืน เรื่องมีไว้ครอบครอง และความผิดสูงสุดของข้อหาคือล่า ทางด้านปลัดนั้นคดีเป็นไปได้ยากว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าต้องการชี้ให้เห็นว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องก็ต้องหาหลักฐานมาบ่งชี้ให้ชัดเจน ส่วนสถานความผิดถ้าเป็นสนับสนุน จำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท ล่า 5 ปี ปรับ 50,000 บาท ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า คดีนี้ทำงานยากกว่าคดีฆ่าเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร เนื่องจากคดีฆ่าเสือดำ มีหลักฐานจำนวนมาก แต่คดีนี้มีแค่ซากอุ้งตีนหมีขอ 4 ขา และคำรับสารภาพเท่านั้น ฉะนั้นต้องหาซากหมีขอที่เหลือให้พบ ที่มีการลงพื้นที่แล้ว 4 ครั้ง แต่ยังไม่เจอ รวมถึงต้องมีการสำรวจจุดยิงหมีขอ และนำปลอกกระสุนมาเทียบว่า ยิงมาจากปืนกระบอกใด เป็นปืนตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหาหรือไม่