นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประสานผ่านไปยังนาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคให้ร่วมรัฐบาลโดยจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอเป็นการตอบแทน ว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมกับย้อนถามว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ระบุว่าจะได้สส. 350 คน และทำทุกอย่างด้วย ก็ไม่จำเป็นอะไรต้องคุยกัน   "พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันมาตลอดว่า อย่ามาพูดเรื่องตำแหน่ง เพราะจุดประสงค์ของพรรคคือการนำพาประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง ดังนั้นข่าวเรื่องการเสนอตำแหน่งมาต่อรองจึงไม่ใช่ประเด็น และไม่ใช่เวลาด้วย เพราะตามขั้นตอนต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้งให้ประชาชนให้คำตอบก่อนว่าสนับสนุนแนวทางของพรรคไหน เท่าไหร่" นายอภิสิทธิ์กล่าว   นอกจากนี้ ต้องดูว่าตอนหาเสียงแนวทางของพรรค พปชร. ยังยืนยันแนวทางการทำงานในปัจจุบันหรือไม่ เพราะถ้าบริหารเศรษฐกิจแบบนี้ก็ยากที่จะทำงานด้วยกันได้ เนื่องจากประชาชนเดือดร้อนมาก ขณะเดียวกันการเมืองมี 3 ขั้วคือ พปชร. เพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น 3 แนวทางที่แตกต่างกันชัดเจน ต้องให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา แต่สิ่งที่พรรคจะทำคือพยายามสรรหาบุคคลที่มีคุณภาพที่ประชาชนพึ่งพาได้ในฐานะสส. และต้องชัดเจนในเรื่องทิศทางนโยบาย โดยพยายามที่จะสรรหาผู้สมัครให้เสร็จกลางเดือนธ.ค.นี้ รวมถึงการเลือกตัวแทนประจำจังหวัดที่จะทำหน้าที่ในการรับฟังความเห็นในการสรรหาผู้สมัครน่าจะเรียบร้อยภายใน 3-4 วันนี้ ดังนั้นกลางเดือน-ปลายเดือนนี้น่าจะได้ผู้สมัครครบถ้วน   ส่วนกรณีที่พรรค พปชร.จะทาบทามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี ไปเป็นหนึ่งในบัญชีนายกฯของพรรคนั้น ต้องดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยินยอมหรือยัง ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็คงต้องคิดว่า ถ้าจะตอบรับก็แปลว่ามีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องพิจารณาว่าหลักธรรมาภิบาลควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การเลือกตั้งจะสุจริต เที่ยงธรรม โดยหากคิดแต่เรื่องกฎหมายก็อ้างได้ว่ามีเวลาตัดสินใจไปจนถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร และหากคิดถึงการใช้อำนาจเพื่อความได้เปรียบ เสียเปรียบ ระยะเวลาที่เหลือก็คงทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ประชาชนจับตาตลอด   “ในอดีตพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจมักมีจุดจบที่ไม่ดี หากทำอะไรแบบเดิม ๆ ก็คงยากที่จะคาดหวังให้ผลเปลี่ยนแปลง  พล.อ.ประยุทธ์ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง โดยเรื่องธรรมาภิบาลจะหยุดแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ อยากให้ท่านพิจารณาเอง และทุกคนต้องจับตาว่าเวลาที่พูดเรื่องธรรมาภิบาลตลอดเกือบ 5 ปี จะปฏิบัติหรือไม่ สิ่งที่ผมพูดไม่ได้เล่นแง่ ทั้งหมดเป็นดุลพินิจของท่านที่จะพิจารณา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว