ยักษ์ใหญ่ปิโตรฯลงทุนในอีอีซี 2 หมื่นล้าน

by ThaiQuote, 29 มิถุนายน 2560

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการของบีโอไอ ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการของบริษัทในเครือ    พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ บริษัทคูราเร จำกัด  (Kuraray Co.,LTD)  ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชัน (Sumitomo Corporation)  จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท   เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เคมีชนิดพิเศษที่ยังไม่เคยมีการผลิตในประเทศไทยมาก่อน และจะช่วยเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศ มูลค่าปีละไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท  รวมถึงมีการส่งออกคิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี 

โครงการแรกเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ชนิดพิเศษ ประเภทยางเทอร์โมพลาสติกจากสไตรีน  ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 6 ต่อปี เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ  มีความยืดหยุ่น แต่แข็งแรง เหมาะในการนำไปขึ้นรูปชิ้นงานต่างๆ ขณะเดียวกันยังทนต่อสภาพอากาศและอุณหภูมิต่างๆ ได้ดีกว่ายางเทอร์โมพลาสติกจากสไตรีนที่ใช้กันทั่วไป  นอกจากนี้ยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยผ่านกระบวนการรีไซเคิล  จึงเป็นที่นิยมนำไปใช้สำหรับผลิตอุปกรณ์กีฬากลางแจ้ง เช่น กระดานโต้คลื่น  หรือชิ้นส่วนต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ รวมถึงชิ้นส่วนเครื่องใช้ในครัวเรือน

โครงการที่สอง เป็นการผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่จะทำให้คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เคมีชนิดอื่น      ดีขึ้น เช่น เมื่อนำไปผสมในหมึกพิมพ์ ทำให้มีคุณสมบัติทนความร้อน ทนน้ำ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม    

“การลงทุนของกลุ่มพีทีที โกลบอล เคมิคอล ครั้งนี้นับเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิต และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ความต้องการในตลาดโลกกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว  จึงนับเป็นกิจการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงในประเทศ” นางหิรัญญา กล่าว

นอกจากนี้ ทั้ง 2 โครงการ ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก (มาบตาพุด) จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาลที่จะนำไปสู่การเดินหน้าตามนโยบายประเทศไทย 4.0  รวมถึงการลงทุนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของภาคเอกชนต่อการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าพัฒนาและเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ยังนับเป็นโครงการนำร่องจะช่วยดึงดูดโครงการที่เกี่ยวเนื่องอื่นให้ตัดสินใจเข้าไปลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นในอนาคต

Tag :